"อนุทิน" เป็น นายกฯได้ "ธนกร" ชี้ เป็นสิทธิ์ ภูมิใจไทย หากตั้งรัฐบาลกันไม่ได้
“ธนกร” ชี้ 8 พรรคไม่ควรเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ เชื่อมีก้าวไกลร่วมรัฐบาล ส.ว.ไม่โหวตให้อยู่แล้ว แนะเป็นฝ่ายค้าน เปิดโอกาสพรรคอันดับ 2-3 ตั้งรัฐบาล ขออย่าหลอกตัวเอง-ปลุกมวลชนล่าแม่มด
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่าเรื่องการเสนอนายกรัฐมนตรี และตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จบไปแล้ว โดยจะไม่มีการเสนอชื่อนายกฯรัฐมนตรีแข่งในการโหวตนายกฯ รอบสอง ส่วนการที่ฝ่าย 8 พรรคร่วมยังยืนยันที่จะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น เคยย้ำไปหลายครั้งแล้วว่าควรมีการเสนอเพียงครั้งเดียวเพราะทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ก็ทราบวิสัยทัศน์ของประเทศไทยอยู่แล้วและควรเปิดโอกาสให้พรรคอันดับสอง มีสิทธิ์เสนอชื่อ
ส่วนหากเปิดโอกาสให้พรรคอันดับสองเสนอชื่อนายกฯ จะต้องมีการยกเลิก MOU หรือไม่ นั้น ไม่ขอก้าวล่วงแต่เชื่อว่าพรรคการเมืองทุกฝ่ายทราบข้อมูลเชิงลึกอยู่แล้วว่าถ้ายังมีก้าวไกลร่วมรัฐบาล ส.ว.ก็ไม่โหวตให้อยู่แล้ว และไม่ควรเอา 14 ล้าน เสียงมาอ้างเพราะส่วนตัวเชื่อว่าใน 14 ล้านเสียง มีเป็นล้านเสียง ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 112 ในเมื่อพรรคก้าวไกล ไม่ถอยฝั่งอื่นก็ไม่ถอยเช่นกัน
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย นายธนกร ระบุว่า ต้องคุยกันในพรรคเพราะขณะนี้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป
เชื่อว่ามีการพูดคุยกันได้มากขึ้นเช่นเดียวกับขั้วรัฐบาลเดิมก็ยังคุยกันตลอด
พร้อมย้ำว่าหากพรรคอันดับ1 อันดับ2 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ให้เป็นพรรคอันดับ3 และถือเป็นความเป็นธรรมของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งส่วนตัวมองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และคิดว่าไม่ควรใช้เวลานานเกินไปขออย่าหลอกตัวเองดีกว่า เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการเมืองจะเดิน ไปแนวทางไหน
นายธนกร ระบุอีกว่า ตอนนี้เหมือนฝั่งหนึ่งเดินหน้าขอเสียงจากส.ว. แต่อีกฝั่งนึงกลับดึงมวลชนมาล่าแม่มด ปลุกม็อบลงถนน ซึ่งหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ก็ไปเป็นฝ่ายค้านและมองว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี รอบหน้าคะแนนเสียงอาจจะมามากกว่าเดิมก็ได้และในเมื่อคุณไก่เป็นแบบนี้ก็ควรปล่อยไปตามกลไกขออย่าไปปลุกกระแสมวลชนเพราะขณะนี้บ้านเมืองสงบควรรักษาความสงบไว้ดีกว่า
ซึ่งส่วนตัวมองว่ากระบวนการการล่าแม่มดแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้กลัว หรือจะเปลี่ยนใจไปโหวตให้เพราะปัจจุบันมีการดำเนินคดี พรบ. คอมพิวเตอร์ กันหลายคนและฟ้องร้องกันไปจนต้องมาขอโทษทีหลังไม่ควรทำแล้วเพราะเมื่อเวลา ถูกดำเนินคดีก็ไม่มีใครช่วย และต้นไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวในโซเชียลขอให้มีการพูดคุยกันดีกว่าส่วนในเรื่องการเมืองก็ว่ากันไปแต่ย้ำว่าประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าภาคธุรกิจเอกชนก็อยากให้มีการตั้งรัฐบาลโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ส.ส.เพื่อไทยและ พรรคก้าวไกล โดนขั้วรัฐบาลเดิม เรียกไปคุย เพื่อซื้อตัวนั้น ตนมองว่า เป็นลูกไม้เดิมๆ การดึงเสียงส.ส. มาไม่ใช่เรื่องง่ายและเชื่อว่าเป็นการพูดเพื่อดิสเครดิตมากกว่า นอกจากนี้ยังกล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเสนอชื่อนายกฯ ได้ เพราะเป็นไปตามกลไกของสภาแต่หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลก็เป็นกลไกสำคัญที่ผ่านยาก ต้องมีการปรับซึ่งส่วนตัวมองว่านายพิธา สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพราะเป็นคนมีความรู้ความสามารถ แต่ไม่รู้ว่ากลไกของพรรคถูกปกคลุมด้วยอะไร
ส่วนหากพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเดียวแล้วทุกพรรคที่เหลือจับมือเป็นรัฐบาลสามารถเป็นไปได้หรือไม่นายธนกรระบุว่าเป็นไปได้หมดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างจะจบลงเพราะประชาชนรนายกรัฐมนตรีคนใหม่และเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจในกระบวนการ หากนักการเมืองพยายามชี้แจงให้ ประชาชนเข้าใจเพราะทุกคนรู้หมดว่าทิศทางการเมืองเป็นแบบไหนการสร้างความเกลียดชังในสังคมไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะเป็นจะตาย เป็นเรื่องปกติ ชีวิตสามารถทำอะไรให้สังคมได้มากมาย และตนเคยพูดไปแล้วว่า ตนก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน อย่าไปยึดติดอะไรมาก
ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายธนกร ระบุว่า ก็สามารถเป็นได้ และพรรคอันดับ 3 อย่างนายอนุทิน ก็เหมาะสม หากสุดท้ายไปกันไม่ไหว เช่นเดียวกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นไปได้ แต่ท่านเคยพูดแล้วว่าจะไม่มีการเสนอชื่อแข่ง