"กิตติศักดิ์" หนักใจแทน เศรษฐา ถูกสอบซื้อที่ดิน เดา "พท."ส่อชวดเก้าอี้ นายกฯ
กิตติศักดิ์ ขอเป็นหมอเดา ชี้ “นายกฯ คนที่30” ไม่ได้มาจาก “พท. พร้อมรับหนักใจแทน “เศรษฐา”ปมถูกกล่าวหาเรื่องซื้อที่ดิน พร้อมเชียร์ “อนุทิน-ประวิตร” นำตั้งรัฐบาลต่อ
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนหนักใจแทนนายเศรฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อต่อรัฐสภา เพื่อให้โหวตเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 หลังจากที่ถูกตรวจสอบกรณีการซื้อขายที่ ทั้งจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นให้กมธ.การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาตรวจสอบ ว่าเรื่องดังกล่าวมีประเด็นที่เกี่ยวกับจริยธรรมหรือไมม่ อย่างไรก็ดีตนเอาใจช่วยนายเศรษฐา และขอให้ชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะหากชี้แจงไม่ชัดเจน นายเศรษฐา อาจไม่ได้รับเลือก
“ผมมั่นใจว่าการโหวตนายกฯ จะต้องได้นายกฯ คนที่ 30 แน่นอน แต่ผมเดาว่าคนที่เป็นนายกฯ จะไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนายเศรษฐานี้ จะขอให้โหวตเห็นชอบไปก่อนแล้วสอยทีหลังนั้น ผมมองว่าเรื่องนายกฯเรื่องบ้านเมืองไม่ใช่การทดลอง ประเทศไม่ใช่การเล่นขายของ ดังนั้นคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องถูกตรวจสอบอย่างดีที่สุด ผมมองว่าแม้จะมีจะมีคนดีไม่ 100% หรือคนชั่วไม่ 100% แต่คนที่เป็นนายกฯต้องใสสะอาด มีจริยธรรม หากโหวตนายกฯรอบ3 ชื่อนายเศรษฐา ถูกเสนอต่อรัฐสภา ผมรู้สึกหนักใจแทน” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่ได้นายกฯ มองว่าควรเปิดโอกาสพรรคลำดับถัดไปจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ต้องให้พรรคอันดับรองลงไป ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ตอนนี้ที่ตนมองเห็น มี 2 คน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่วนนายกฯ คนนอกนั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสองนั้นตนมองว่าไปไม่ถึง
เมื่อถามว่าประเมินว่าสูตรจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและพรรคอีกขั้วที่มี 188 เสียง โดยไม่มีพรรคก้าวไกล จะเป็นไปได้หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า หากรวมเสียงได้ขนาดนั้น ถือว่าเสียงเกิน 300 เสียงขึ้นไปแล้ว แต่อาจจะอยู่ไม่ถึง 4 ปี เพราะมีประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีการจัดตั้งรัฐบาล ผสมสูตรใดก็ตามที่เป็นข่าว สว.ไม่ขอก้าวก่าย ส่วนทิศทางการโหวตนายกฯรอบต่อไปนั้น ตนเชื่อว่า สว. ส่วนใหญ่จะออกเสียงว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบมากกว่าการงดออกเสียง.