ป.ป.ช.ฟัน ‘อัยการตะกั่วป่า’ คดีเรียกรับเงิน 5 แสนแลกลงโทษสถานเบา

ป.ป.ช.ฟัน ‘อัยการตะกั่วป่า’ คดีเรียกรับเงิน 5 แสนแลกลงโทษสถานเบา

ป.ป.ช.ชี้มูล ‘อัยการตะกั่วป่า’ พร้อมพวก คดีเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเงิน 5 แสนบาท จากญาติผู้ต้องหา แลกช่วยเหลือให้ลงโทษสถานเบาคดีครอบครองอาวุธปืน

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวถึงกรณีชี้มูลความผิดนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมพวก เรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา 

นายนิวัติไชย กล่าวว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้น กรณีกล่าวหานายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมพวก เรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้จับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมแจ้งข้อหาฐานมีอาวุธปืนและ  เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้   รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร ภายหลังส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการ ได้มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานยิงปืนที่ใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน ระหว่างการพิจารณาสั่งฟ้องคดี นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในฐานะอัยการจังหวัดตะกั่วป่า ได้เรียกเงินจากญาติของผู้ต้องหา จำนวน 500,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายธรรมะ หรือ   ชินโชติ สอนใจ กับญาติผู้ต้องหา เมื่อญาติของผู้ต้องหาไม่จ่ายเงินตามที่เรียก นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ได้มีคำสั่งฟ้องโดยบรรยายฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมร่างคำฟ้องของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดี  ว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคทอรี่ ทั้งที่ในสำนวนการสอบสวนไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคตอรี่แต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ร่างคำฟ้องเพิ่มเติมเพื่อขอให้ศาลพิจารณาลงโทษผู้ต้องหาในสถานหนัก 

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 200 วรรคสอง และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85 (8) 

สำหรับมูลความผิดทางวินัย เนื่องจากคณะกรรมการอัยการ ได้มีคำสั่งที่ 5/2565 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2565 ลงโทษไล่ออกนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในการกระทำความผิดนี้เหมาะสมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้อง ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) อีก 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษากับนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)