สูตรสานฝัน‘รัฐบาลพิเศษ’ สืบสาแหรก‘รทสช.-ปชป.’
สืบสาแหรก"รทสช.-ปชป." ซึ่งถูกมองว่าเป็นสาขาของกลุ่มกปปส. ผ่านสูตรจัดตั้ง "รัฐบาลพิเศษ" เมื่อพรรคหนึ่งกำลังตกขบวน ขณะที่อีกพรรคมีแนวโน้มเตรียมพลิกขั้วร่วมรัฐบาล
สมการ “รัฐบาลพิเศษ” สานฝัน "พรรคเพื่อไทย" รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุดดูเหมือนจะถูกปิดดีลที่ตัวเลข315เสียง สอดรับกับโผตัวเต็ง “คณะรัฐมนตรีเพื่อไทย1” ซึ่งปรากฎในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
แบ่งเป็น 278 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย141เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง ที่ประกาศร่วมรัฐบาลอย่างชัดเจน
ส่วน40 เสียงพรรคพลังประชารัฐ ประกาศจะยกมือให้กับพรรคเพื่อไทย แต่ไปต่อรองเงื่อนไขร่วมรัฐบาลในภายหลัง
ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ36เสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นอีกหนึ่งพรรคที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ภายใต้การเปิดดีลของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผ่านอดีตสมาชิกกลุ่ม3มิตรทั้ง อนุชา นาคาศัย และ ธนกร วังบุญคงชนะ และ อีกพรรคประชาธิปไตยใหม่อีก 1 เสียง
“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่า ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจ
ขณะที่ “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดถูกคาดการณ์ว่าอาจ “ตกขบวน” ยิ่งถ้าที่สุดรวมไทยสร้างชาติตัดสินใจโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือร่วมรัฐบาลด้วยแล้ว จะทำให้สมการรัฐบาลเพื่อไทยลงล็อกที่315เสียง ที่เหลือเป็นเสียงส.ว.สายพี่น้อง2ป.อีกแค่60เสียง ที่หาได้แบบสบายๆโดยไม่ต้องลุ้นและไม่จำเป็นต้องมีเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ เติมเข้าไปในสมการดังกล่าว
สาเหตุที่ปชป.หลุดขบวนรอบนี้มาจากหลากหลายปัจจัยทั้ง การเป็น “พรรคอกแตก” มีความแตกแยกภายใน และยังไม่ชัดเจนว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ใครจะเข้ามากุมบังเหียน ภายหลังเจอโรคเลื่อนล้มโหวตเลือก “หัวหน้าพรรค” และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อวันที่6ส.ค.ที่ผ่านมา
แม้ฝั่ง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะมี “แต้มต่อ” มีส.ส.21เสียงจาก25เสียงในมือ และมีโอกาสสูงที่จะเข้าคุมอำนาจค่ายสีฟ้าแบบเบ็ดเสร็จได้ไม่ยาก
ทว่าต้องไม่ลืมว่า ปชป.มี“2ลุงสีฟ้า” ทั้ง “ชวน หลีกภัย” และ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” คุมฝ่ายอำนาจอีกขั้ว และยังประกาศตัวเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงเวอร์ชั่น2566
ไม่ต่างจาก "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่เคยด่าแรงถึงขั้นขึ้น “อี...” กลางเวทีกปปส. ยิ่งไปกว่านั้นอภิสิทธ์ ยังถือเป็นตัวละครสำคัญ ในคดีสลายม็อบเสื้อแดง 99 ศพ จนเกิดแผลลึกในใจคนเสื้อแดง
ฉะนั้นในยามที่เพื่อไทยกำลังเสียมวลชนแนวรวมฝั่งเสื้อแดง จากสูตรพลิกขั้วเวลานี้ จึงมีการมองว่าหากยังดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลภายใต้ความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้น ทำไปทำมานอกเหนือจากจะเป็นเสี้ยนหนามตำใจซ้ำอาจยิ่งเสียมวลชนไปอีกไม่น้อย
ขณะที่แฟนคลับเพื่อไทย โดยเฉพาะ “นางแบก” กระแนะกระแหนมาโดยตลอดว่า เคมีของทั้ง “พรรคสีฟ้า” และ “พรรคสีส้ม” เหมาะสมที่จะเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกันที่สุด
ไม่ต่างจากการตั้งกำแพงทั้งจาก “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยและ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ที่ยังฝังใจกับภาพ“พรรคกปปส.”ที่ออกมาปลุกม็อบไล่“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”จนตกจากอำนาจ
ขณะที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งหลายคนแยกสาแหรกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือถูกเปรียบเปรยว่า เป็นพรรคกปปส.แยกสาขา
แต่ด้วยเสถียรภาพพรรค ขณะที่สมาชิกบางส่วนดูเหมือนจะออกไปในแนว “ขวากลาง” หรือ อีกประเภทคือไปได้ทุกสี-ดีได้ทุกขั้ว ยามนี้พยายามขายภาพที่ไม่มีลุงแล้วถึงเวลาสลายขั้ว มองเกมยาวการเลือกรทสช.ร่วมรัฐบาลอาจส่งผลดีมากกว่า
แถมเลือก"พรรคลุง" ยังได้โปรขายเหล้าพ่วงเบียร์คือ รทสช.แถมส.ว.สายลุงอีกต่างหาก
ตัดกลับมาที่ความเคลื่อนไหว“ค่ายสีฟ้า” ที่ยามนี้ที่ส่อแววตกขบวน “แกนนำพรรคสีฟ้า” โดยเฉพาะ“กลุ่มเฉลิมชัย” ซึ่งช่วงที่ผ่านมาพยายามทอดไมตรีไปยังพรรคเพื่อไทย ล่วงหน้ามาตั้งแต่ไก่โห่ ยังแอบหวังไปที่ช่วง “ทดเวลาบาดเจ็บ” แก้เกมกลับคืนมา
โดยเฉพาะ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่พยายามส่งลูกอ้อนหา “ทักษิณ” นายเก่า พร้อมประกาศกร้าวโชว์แสนยานุภาพผ่านสื่อ “วันนี้เหตุการณ์เปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปหมด เหลือแต่ยี่ห้อของพรรค คนในพรรคเปลี่ยนไปหมดแล้ว”
เคลื่อนไหวของ “กลุ่มเฉลิมชัย” ยามนี้ยังไม่ลดความพยายามแถมปลอบใจตัวเองว่า ดีลตั้งรัฐบาลยังไม่จบง่ายๆ ฟันธงได้เลยว่า กว่าจะชัดเจนก็คือช่วงใกล้ๆ วันโหวตนายกฯ ขณะนี้ยังไม่นิ่ง ข่าวที่ออกมาเป็นแค่ข่าว
“ที่สำคัญ พรรคการเมืองขนาดกลางที่ยังเหลืออีก 3 พรรค คือพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปปัตย์ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทยว่าจะเลือกพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาล ฉะนั้นเมื่อเพื่อไทยยังไม่แถลง ก็แสดงว่ายังไม่มีความชัดเจน และทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด” แหล่งข่าวปชป.ระบุ
ขณะที่ท่าทีจาก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ล่าสุดพูดถึงสมการจับขั้วที่ยังไม่ปิดประตูตายเสียทีเดียว
เขาระบุว่า “ตัวเลข 278 เสียงสำหรับสภาล่าง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง และเราก็จะยินดีมากหากพรรคการเมืองอื่นๆ จะช่วยโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าหลายฝ่ายพร้อมจะให้โอกาสกับพรรคพท. ซึ่งการโหวตสนับสนุนจะเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสที่จะพูดคุยกันต่อในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าหากพรรคใดไม่โหวตสนับสนุน ก็ไม่ได้อยู่ในสมการนี้”
สรุปสั้นๆเข้าใจง่ายๆคือ การพิสูจน์ความจริงใจด้วยการโหวตก่อนแล้วค่อยคุยร่วมรัฐบาลกันทีหลัง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือปชป.ต้องเคลียร์ปัญหาในบ้านตัวเองให้จบให้ได้เสียก่อน โดยเฉพาะมติ “52เสียง” กรรมการบริหารชุดรักษาการรวมกับส.ส. ที่จะชี้ขาดว่าปชป.จะเดินไปในทิศทางใด
ไม่ต่างจากแรงกระเพื่อมลูกใหญ่ที่เกิดขึ้นในพรรคเวลานี้ที่ต้องลุ้นว่า เมื่อฝั่งหนึ่งหวังช่วง “ทดเวลาบาดเจ็บ” เกาะขบวน “ร่วมรัฐบาล” ขณะที่อีกฝั่งหวังปิดจ๊อบด้วยการเป็น “ฝ่ายค้าน” ที่สุดฝ่ายไหนจะ “เจ็บ”-ฝ่ายไหนจะ “จบ” กว่ากัน?