‘ประยุทธ์’ ไว้ลาย ‘ทหารเสือ’ ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาท
ภาพพบปะกันครั้งแรกระหว่าง “เศรษฐา” นายกฯ คนใหม่ กับ “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ คนเก่า จับมือทักทาย พูดคุยกันอย่างชื่นมื่น หลังได้รับสัญญาณให้ปรองดอง สามัคคี ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ดูแลความเดือดร้อนประชาชน
ปิดจ๊อบ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ก่อนลงจากเก้าอี้นายกฯ ทันทีที่ “เศรษฐา ทวีสิน”ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย หลังได้รับเสียงท่วมท้น 482 จากที่ประชุมรัฐสภา เมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
หนึ่งในจำนวนนี้ เป็นการเทคะแนนของ 36 สส.รวมไทยสร้างชาติ พรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อตั้งมากับมือ และสะท้อนความเป็นตัวตน ในเรื่องการปกป้อง 3 สถาบันหลัก “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
ไม่ต่างกับจุดยืนของทหาร ที่ต้องเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นทหารของประชาชน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย สถาบันสูงสุดของชาติบ้านเมืองไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต
คะแนนอีกส่วนหนึ่งมาจาก สว.สายทหารฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ มีทั้ง เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ อาทิ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร พล.อ.บุญธรรม โอริส พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
พล.อ.โปฎก บุนนาค พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ พล.อ.สสิน ทองภักดี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ พล.อ.อักษรา เกิดผล พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เป็นต้น
ภาพพบปะกันครั้งแรกระหว่าง “เศรษฐา” นายกฯ คนใหม่ กับ “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ คนเก่า จับมือทักทาย พูดคุยกันอย่างชื่นมื่น ก่อนนำเยี่ยมชมห้องต่างๆ ภายในตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกฯ เมื่อ 24 ส.ค.ที่ผ่าน ภายหลังได้รับสัญญาณให้ปรองดอง สามัคคี ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ดูแลความเดือดร้อนประชาชน
ทั้งนี้ กว่าจะเดินมาถึงจุดปรองดองสมานฉันท์ไม่ใช่เรื่องง่าย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้พลังที่มีอยู่วางกลเกม-สร้างเงื่อนไข จับมือกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิมเหนียวแน่น โดยอาศัยกลไกรัฐธรรมนูญปี 2560 ผลัก“ก้าวไกล”ที่ถูกตั้งป้อมเป็นพรรคมีแนวคิดเป็นอันตรายต่อ 3 สถาบันหลัก ด้วยนโยบายรื้อโครงสร้างปฏิรูปประเทศ แก้มาตรา 112 พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน จนหลุดโคจรแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
แล้วเดินเกมใต้ดิน-บนดิน-ผ่านดีลลับ ตีกรอบให้พรรคเพื่อไทยดึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ผ่านแนวคิดปรองดอง สลายขั้วจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรค 2 ลุง รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมด้วย ภายใต้เงื่อนไข ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่แก้ ม.112 รวมถึงการแก้รัฐธรรมในอนาคต ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 หลักประกันความมั่นคง
พร้อมสร้างกำแพงคอนกรีตให้ ‘นายกฯ-รัฐบาลชุดใหม่’ ด้วยการจัดแถวทหาร-ตำรวจ ส่ง 2 ทหารคอแดง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ว่าที่ผบ.ทบ. กุมกำลังหลักกองทัพ ส่วนว่าที่ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้ร่วมกับ ผบ.ทอ. ผบ.ทร.ดูแลความมั่นคง ปกป้องชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่กับคนไทยตลอดไป
จึงเป็นการลงจากเก้าอี้นายกฯ แบบมีชั้นเชิงของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีรวมไทยสร้างชาติผนึกกำลัง สว.สายทหาร เป็นมือเป็นไม้ทำงานในสภาฯร่วมกับ 10 พรรคร่วมรัฐบาล สกัดกฎหมายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล ที่เตรียมผลักดันเข้าสภาฯ เป็นเกราะคุ้มกัน 3 สถาบันหลักของชาติอีกทาง
จึงพูดได้ว่า เกือบค่อนชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ ยกให้ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน อยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ที่ต้องปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงรับราชการทหาร จนมาเป็นผู้นำประเทศ ที่ถูกบ่มเพาะมาจากโรงเรียนทหาร
ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหนึ่งในทหารเสือราชินี ที่มีโอกาสทำหน้าที่ถวายอารักขาตามเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทั่วทุกหนแห่ง ในพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ ดูแลแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน
ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทั้งในอดีตตราบจนปัจจุบัน
ดังนั้น ย่างก้าวต่อจากนี้ หลังพล.อ.ประยุทธ์ลงจากหลังเสือ จะได้ยืนในตำแหน่งใด... คงต้องจับตา