‘บิ๊กสุทิน’ตั๋วไม่แข็ง ทหารลองของ ชิมลาง ‘เก้าอี้ รมว.กลาโหม’
'สุทิน คลังแสง'พลเรือนคนแรกที่เป็น'รมว.กลาโหม'
ไม่มี 'เก้าอี้นายกฯ' พ่วงท้าย จึงถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมคุณสมบัติ ความรู้งานความมั่นคง
“บิ๊กทหาร”ยังพูดถึง “สมัคร สุนทรเวช” เมื่อครั้งที่เป็นนายกฯ ควบ “รมว.กลาโหม” สมัยพรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งปี 2551 คล้อยหลัง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ถูกรัฐประหารเพียง 2 ปี
เป็นเพราะนายกฯ สมัครนี่แหละ ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาทหาร ไม่ยอมขยับขึ้นเป็นนายพล ด้วยสาเหตุเงินประจำตำแหน่งลด เหลือเพียง 3,500 บาท พอนายกฯ สมัคร ทราบเรื่อง ก็ถามกลับว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วทำไมถึงไม่แก้กฎระเบียบล่ะ” กลายเป็นอนิสงค์ ส่งต่อกันมา ปัจจุบันเงินค่าประจำตำแหน่งนายพล 26,000 บาทต่อนาย ส่วนพันเอกพิเศษประจำ 19,800 บาทต่อนาย
ส่วนการจัดทำโผทหาร นายกฯ สมัครขอ 2 ตำแหน่ง คือ ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) และผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนา (นทพ.) เพราะหน่วยหนึ่ง เป็นเรื่องรักษาความปลอดภัย ส่วนอีกหน่วยทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นตำแหน่งการเมือง “ตำแหน่งอื่น พวกเด็กฝาก เด็กเส้นไม่ต้องเอามา ไม่ยุ่ง ให้เหล่าทัพจัดการไปเลย” นายกฯสมัคร ย้ำ
ย้อนไปไกลกว่านั้น ยุควิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540-2544 “ชวน หลีกภัย” นายกฯ ควบ รมว.กลาโหม ไม่เคยอนุมัติใช้งบลับ แม้แต่ครั้งเดียว พร้อมตัดงบกองทัพสะบั้นหั่นแหลก
ลดจำนวนนายพล 8,000 อัตรา พร้อมตั้งกฎการขยับขึ้นนายพลยากขึ้น อีกทั้งสั่งยุบสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารในต่างประเทศ
ทำเอา “บิ๊กหมง” พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต้องทำงานร่วมกับ “นายชวน” จะไม่ตัดก็ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบาย พอตัดก็โดนลูกน้องต่อว่า เนื่องจากอัตรากำลังพลหายไปจำนวนมาก
อีกทั้ง ยังสั่งคืนเครื่องบินขับไล่ F-18 ที่กองทัพอากาศ สั่งซื้อจากสหรัฐอเมริกา โดยมีการวางเงินมัดจำ และอยู่ระหว่างการผลิต โดย “นายชวน” ส่ง รมว.คลัง ไปเจรจากับท่านประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน เพื่อขอยกเลิกการสั่งซื้อเครื่องบิน F-18 ทั้งฝูง จนประสบความสำเร็จ และไทยไม่ต้องเสียค่าปรับแม้แต่บาทเดียว
ยุคนายกฯหญิง ควบ รมว.กลาโหม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ไม่เคยล้วงโผ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หรือเหล่าทัพอื่นส่งมาอย่างไร ก็ตามนั้น อาจมีขอกันบ้างเช่น ตำแหน่งของฝ่ายเสธ. รมว.กลาโหม หรือหากขอให้คนในเหล่าทัพอื่น ก็ได้รับตอบสนองด้วยการเลื่อนยศ แต่ไม่ให้ตำแหน่ง
ถึงคิวว่าที่ รมว.กลาโหม คนใหม่ “สุทิน คลังแสง”พลเรือนคนแรก ที่ไม่มีเก้าอี้นายกฯ พ่วงท้าย ภาษาทหาร เรียกว่า “ตั๋วไม่แข็งพอ” จึงได้กล้าหืออือ โยนคำถามเรื่องความเหมาะสมคุณสมบัติ ความรู้งานความมั่นคง แต่หากเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” ควบเก้าอี้ตัวนี้ รับรองเงียบกริบ เพราะมีตำแหน่งนายกฯรองรับ
ความจริงคนในกองทัพส่วนใหญ่รับได้หมด ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็น รมว.กลาโหม เพราะเป็นผู้บังคับบัญชา และหากเข้ามาแล้ว สามารถดูแลกองทัพได้เรียบร้อย ครอบคลุมสวัสดิการ ยกระดับความเป็นอยู่กำลังพลให้ดีขึ้น ยิ่งได้รับเสียงแซ่ซ้อง
ทุกวันนี้ คนในกระทรวงกลาโหมก็ถามกันแล้ว เมื่อไหร่ “นายสุทิน” จะมา คำว่า “นาย” เป็นคำที่ทหารใช้เรียกผู้บังคับบัญชา หมายถึง“เจ้านาย”เช่นเดียวกับที่เรียก “นายป้อม-นายตู่” จะได้เตรียมการต้อนรับไม่ต่างกับ รมว.กลาโหมคนอื่นๆ ที่ผ่านมา
ต้องยอมรับว่า เก้าอี้ รมว.กลาโหม มีทหารนอกราชการเล็งไว้จำนวนไม่น้อย ทั้งในส่วนอยู่ฝั่งพรรคเพื่อไทย ฝั่งพรรคร่วม ส่วนทหารที่ยังอยู่ในราชการบางส่วน ทำหน้าที่เป็นกองหนุน กองเชียร์ เผื่อนายเก่าหวนคืนกลับมา ลูกน้องคงพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย ถึงเกิดปฏิบัติการเตะตัดขา อ้างเสียงในกองทัพ คงมีทหารเพียงไม่กี่คนที่ตั้งคำถาม ซึ่งล้วนเป็นคนมีส่วนได้-เสีย
ทหารในและนอกกองทัพ สนใจว่าที่ รมว.กลาโหม คนใหม่ไม่น้อย ถึงกับไปศึกษาประวัติ พบว่า สุทิน คลังแสง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม ระดับปริญญาโท สาขาไทยคดีศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ Doctor of Philosophy Magadh University ประเทศอินเดีย ผ่านการศึกษาอบรมหลักสูตรการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย จากสถาบันพระปกเกล้า
พร้อมวิเคราะห์ว่า คนที่จบด็อกเตอร์ ปริญญาเอกประเทศอินเดีย สะท้อนให้เห็นว่า เป็นคนมุมานะ มีความอดทน มีความพยายาม บวกกับการเป็น สส.มากว่า20 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร เป็นคนมีความรู้ ประสบการณ์แน่นอน
เมื่อนายสุทินมาเป็น รมว.กลาโหม ต้องเซตทีมงานที่เป็นทหาร เช่น การแก้ปัญหาเกณ์ทหารเปลี่ยนมาสมัครใจทั้งหมด ก็ต้องเลือกทหารที่เคยทำงานในระบบนี้มาตั้งเป็นคณะทำงาน ทำเป็นเอกสารมาให้พิจารณา หรือแม้แต่เรื่องภาคใต้ แต่สุดท้ายการตัดสินใจอยู่ที่นายสุทิน ไม่ต่างกับ รมว.กลาโหม ที่เป็นทหาร ก็ต้องมีคณะทำงานเหมือนกัน วิธีการทำงานไม่ต่างกัน ต้องให้โอกาสทำงานก่อน
ทั้งนี้ อดีตทหารยอมรับว่า รมว.กลาโหม ที่เป็น“พลเรือน” ทำหน้าที่ดูแลกองทัพ ความมั่นคง และกำลังพล ได้ดีพอๆ กับคนที่เป็นทหาร บางครั้งทำหน้าที่ได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
เพราะไม่มีส่วนได้เสีย ไม่มีรุ่น ไม่มีพวก หรือเด็กตัวเอง เรียกว่า กล้าตัดในส่วนที่ควรตัด ทำในสิ่งที่ควรทำ โดยไม่ต้องมานั่งเกรงใจ เพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกองทัพ กำลังพล และ ประชาชน