เด็จพี่ ซัด ‘ก.เกษตรฯ’ จ่อให้นำเข้าโค ทั้งที่ในประเทศล้นตลาด ราคาตกต่ำ
“พร้อมพงศ์” จี้ ธรรมนัส-ไชยา ตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนม็อบผู้เลี้ยงโค ฮือไล่รัฐบาล หลัง เตรียมยกเลิกมาตรการชะลอนำเข้า ทั้งที่ในประเทศโคล้นตลาด ราคาตก ปล่อยนำเข้าจะแย่ไปกันใหญ่ ซัด เกาไม่ถูกที่คัน แนะ 3 ข้อต้องทำ ระงับนำเข้า-ปราบเนื้อกล่อง ในชายแดนภาคใต้-เร่งส่งออก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมยกเลิกมาตรการชะลอนำเข้าโคจากประเทศเมียนมา โดยอ้างว่าเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศว่าขณะนี้โคล้นตลาด ราคาตกต่ำ เป็นหนี้ ธกส.และหนี้นอกระบบ กันมากอยู่แล้ว หากมีการนำเข้ามาอีกจะยิ่งแย่กันไปใหญ่ สถิติโคในประเทศไทยจากกรมปศุสัตว์ล่าสุด เดือน ก.ย.66 มีมากถึง 9.6 ล้านตัว เพิ่มจากปี 65 ที่มี 9.4 ล้านตัว และปรากฎว่ามีการบริโภคภายในประเทศเพียง
1.2 ล้านกว่าตัวเท่านั้น ส่งผลให้เกษตรกรเลี้ยงโคที่มีอยู่กว่า 1.4 ล้านคน ต้องเผชิญกับภาวะยากลำบาก เพราะการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คันของร.อ.ธรรมนัส ของพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ ของพรรคเพื่อไทย ที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ดังนั้นสิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ 1.ระงับการนำเข้าโคทั้งถูกกฎหมายและโคเถื่อน 2.ปราบปรามการนำเข้าเนื้อกล่องที่ลักลอบเข้ามาขายในประเทศ โดยเฉพาะที่ภาคใต้ และเขตชายแดน 3.เร่งเจรจาทำการค้าส่งออกเนื้อโคที่ล้นตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย จีน รวมถึงประเทศแถบตะวันออกกลาง
“การนำโคเข้ามาในประเทศคือการฆ่าเกษตรกรทางอ้อม แถมยังมีเรื่องของโรคติดต่อ ความปลอดภัยของผู้บริโภคเข้ามาอีก ทำกันแบบนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคมีหวังได้สิ้นเนื้อประดาตัวกันหมดแน่ รัฐมนตรีทั้งร.อ.ธรรมนัส และนายไชยา ควรทบทวนมาตรการและเร่งแก้ไข อย่าไปฟังแต่ข้าราชการ ควรฟังเสียงประชาชน คนเลี้ยงโคทั่วประเทศ ทุกภาคอย่างจริงจัง โคล้นตลาดแล้วไม่ระบายออก แถมยังจะนำเข้ามาอีก คิดได้ยังไง ทำกันแบบนี้ถามว่ามีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นการเรียกแขก ปลุกม็อบโคมาไล่รัฐมนตรี สร้างปัญหาให้รัฐบาลหรือไม่ จึงอยากให้ตัดไฟต้นลมเสียดีกว่า” นายพร้อมพงศ์ กล่าว