'สมศักดิ์' ประชุมแก้ปัญหาน้ำสุโขทัย สั่งเร่งติดตาม ก่อนเสนอ 'เศรษฐา'
"สมศักดิ์" นั่งหัวโต๊ะถกแก้ปัญหาน้ำสุโขทัย กำชับทุกภาคส่วน เร่งรัด ก่อนเสนอ "เศรษฐา" สั่งตั้งคกก.ติดตามโครงการ ให้ ผู้ว่าฯ เป็นประธาน รายงานทุก15วัน เผย ตั้งงบฯ 2พันล้านทำฝายแกนดินซีเมนต์ทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามโครงการแก้ปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย (ปัญหาน้ำสุโขทัย) โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย นายชูศักดิ์ คีรีมาศทองสส.สุโขทัย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดสุโขทัย ถือเป็นโอกาสดี ที่ตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. รวมถึงได้ดูแลกระทรวงคมนาคม ที่จะเชื่อมโยงในเรื่องถนน และสะพาน ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดได้ ดังนั้น ตนจึงขอฝากให้ทุกภาคส่วนในจังหวัด เร่งช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นโอกาสดี ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานงานลอยกระทงพระราชทาน ที่จังหวัดสุโขทัย ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ตนจึงอยากให้ทุกภาคส่วนเร่งติดตามโครงการแก้ปัญหาน้ำ เพื่อเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี
“นายกฯให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำเป็นอย่างมาก ผมเลยขอให้ทางจังหวัดสุโขทัยมาร่วมประชุมกันในวันนี้ เพื่อติดตามโครงการต่างๆว่า เดินหน้าไปถึงไหนแล้ว โดยเฉพาะการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ ประตูระบายน้ำ ธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้งผมขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันเร่งรัด เพราะการของบประมาณ ต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนจำนวนมาก ดังนั้น รอช้าไม่ได้ ผมจึงขอให้มีการตั้งคณะกรรมการติดตามโครงการแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดสุโขทัย โดยมอบหมายให้ ผู้ว่าฯเป็นประธาน นายก อบจ.สุโขทัย เป็นรองประธานพร้อมให้ทุกภาคส่วน เป็นกรรมการ เพื่อให้มีความคืบหน้าในแต่ละโครงการ ซึ่งให้รายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน และต้องมีความชัดเจนทุกโครงการ ก่อนที่นายกฯจะลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการทำฝายแกนดินซีเมนต์ ตนก็ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันสำรวจว่าจุดใดควรจะสร้างบ้าง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเราต้องมีการวางแผนให้ดี เพราะขณะนี้ มีการตั้งงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่จะทำทั่วประเทศ ตนจึงขอให้จังหวัดสุโขทัย เสนอจุดที่ต้องการทำฝายด้วย เช่นเดียวกัน ธนาคารน้ำใต้ดิน ที่ขณะนี้ ให้จังหวัดชัยนาท นำร่อง แต่ตนมองว่า จังหวัดสุโขทัย ก็สามารถทำได้ จึงขอให้ อบจ.สุโขทัยสำรวจว่าตรงไหนสามารถทำได้ ก็จะได้เสนอทำนำร่อง 2 จังหวัด ชัยนาท-สุโขทัย ขณะเดียวกันโครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา ที่ดำเนินการออกแบบเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอเข้า กนช.วันที่ 26 ต.ค.นี้ ตนก็อยากให้ตำบลที่ได้รับผลกระทบ ช่วยชี้แจงกับประชาชนว่า ถ้าดำเนินโครงการแล้ว น้ำจะไม่เข้าท่วมตัวเมือง โดยโครงการนี้ มีความคืบหน้าแล้ว 4 ระดับ จาก6 ระดับ ในการของบประมาณ ซึ่งคาดว่า จะได้งบประมาณในปีงบประมาณ 2568
นอกจากนี้ ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ ได้ลงพื้นที่ประตูระบายน้ำคลองหกบาท ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อสำรวจความเสียหายหลังจากเปิดใช้ระบายน้ำไม่ให้เข้าท่วมตัวเมืองสุโขทัย เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประตูระบายน้ำคลองหกบาท ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย จึงจำเป็นต้องใช้ระบายน้ำ เพื่อไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งถ้าแล้วเสร็จ บริเวณนี้ จะสามารถระบายน้ำได้ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ในช่วงเหตุน้ำท่วม ได้มีการปล่อยน้ำเกิน 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้กัดเซาะดิน มีความเสียหายเล็กน้อย โดยโครงการนี้ ถือว่ามีประโยชน์ ถึงแม้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย แต่ก็สามารถช่วยให้น้ำไม่เข้าท่วมตัวเมือง ซึ่งจุดระบายน้ำนี้ ห่างจากต้นน้ำ คือ โครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำยม (บ้านหาดสะพานจันทร์) อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพียง 6 กิโลเมตรทำให้ขณะนี้ มีโครงการช่วยระบายน้ำจากบ้านหาดสะพานจันทร์ ที่รองรับน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มาลงคลองหกบาทอีก 1 เส้น เพื่อให้ระบายน้ำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้มีโอกาสลงพื้นที่สำรวจจุดตัดเส้นน้ำใหม่ จากบ้านหาดสะพานจันทร์ มาลงคลองหกบาท เพื่อแบ่งน้ำให้มีการระบายได้เร็วขี้น ซึ่งจะมีการตัดเส้นน้ำใหม่ เป็นระยะทางกว่า 500 เมตร จะทำให้มีทางระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยไม่ให้น้ำเข้าท่วมตัวเมืองสุโขทัย เพราะเดิมที น้ำลงมาคลองหกบาทได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ จึงต้องเปิดทางน้ำใหม่ขณะเดียวกัน ตนยังได้ลงพื้นที่ ประตูระบายน้ำแม่น้ำยม หลังเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีน้ำล้นตลิ่ง แต่วันนี้พบว่า น้ำลดลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตลิ่งพังเสียหาย บ้านเรือนประชาชนชำรุด โดยท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้เน้นย้ำให้แก้ปัญหาแบบถาวร เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ตนยังได้ลงพื้นที่ คลองละมุง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อสำรวจดูสภาพการขยายคลองธรรมชาติ ที่ถูกปรับให้มีการระบายน้ำจากคลองหกบาท ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ได้เร็วขึ้น จากเดิมต้องใช้ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร แต่เมื่อมีการขยายคลองนี้ทำให้จุดนี้ใช้ระยะทางเพียง 1 กิโลเมตร ก็สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านได้แล้ว