กอ.รมน.ดันนโยบายรัฐ หั่นที่ดินเหล่าทัพ ปรับลดทหารเกณฑ์เหลือ 80,000คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.66 พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ในส่วนที่มอบหมายให้ กอ.รมน. บูรณาการและขับเคลื่อน โดยมี นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์, นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และผู้แทนเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สนย.กอ.รมน. ชั้น 3 กอ.รมน. กรุงเทพมหานคร

ในช่วงต้นของการประชุม ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. (ศปป.4 กอ.รมน.) ได้สรุปผลความคืบหน้าการบริหารจัดการที่ดินในความดูแลของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์ ของพื้นที่นำร่อง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เนื้อที่ 10,476 ไร่ ซึ่งขณะนี้กองทัพบกได้ดำเนินการส่งคืนที่ดินดังกล่าวให้กับกรมธนารักษ์เรียบร้อยแล้ว โดย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ในวันที่ 27 ต.ค. 66 ที่จะถึงนี้ 
    
นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ได้กล่าวว่า กรมธนารักษ์ ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการสำรวจรังวัด 1,597 แปลงเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนสิทธิการครอบครองโดยดำเนินการไปแล้วร้อยละ 40 และจะทำการสอบสวนสิทธิให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 66 นี้ ซึ่งได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถมอบสัญญาเช่าที่ดินให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จำนวน 300 ราย ภายใน 25 ธ.ค.66 นี้ 
    

นอกจากนี้ เหล่าทัพได้เสนอพื้นที่เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในเบื้องต้นโดย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เตรียมพื้นที่ บ.แก่งประลอม และ บ.พุราด อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้มีการสำรวจรังวัด และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่แล้ว กองทัพเรือยินยอมให้ใช้พื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ส่วนกองทัพอากาศ ยินยอมให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากพื้นที่สนามบินนครพนม ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ซึ่งการดำเนินการหลังจากนี้ ศปป.4 กอ.รมน. จะประสานงานร่วมกับเหล่าทัพ และกรมธนารักษ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ

สำหรับประเด็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทหารกองประจำการแบบสมัครใจในที่ประชุม ได้เสนอ3 แนวทางที่สำคัญ ได้แก่

แนวทางที่1 การปรับลดยอดทหารกองประจำการที่ต้องการในแต่ละปี จากปัจจุบันประมาณ 93,000 นาย ให้เหลือ 80,000 นาย ภายในปี 2570

แนวทางที่2 การเชิญชวนให้ทหารกองประจำการที่ครบกำหนดสมัครใจรับราชการต่อ

แนวทางที่ 3 การสร้างแรงจูงใจเพิ่มเพื่อให้ทหารกองเกินขอสมัครใจเข้ามารับราชการ

อาทิ ความก้าวหน้าในอาชีพรับราชการในกรอบกระทรวงกลาโหม ซึ่งแต่ละเหล่าทัพจะได้มีการประชุมย่อย เพื่อจะได้กำหนดหลักเกณฑ์ให้อยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน รวมถึงการได้สิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ มากขึ้น เช่น ค่าตอบแทนรายเดือน การดูแลรักษาพยาบาลให้กับครอบครัวในช่วงระหว่างการรับราชการ เป็นต้น

ทั้งนี้ การสร้างแรงจูงใจเพิ่มดังกล่าวอาจมีบางส่วนต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงาน หรือส่วนราชการอื่นเพิ่มเติม เช่นเรื่องงบประมาณ และความก้าวหน้าในอาชีพรับราชการภายใต้หน่วยงานสังกัดนอกกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะได้มีการประสานและดำเนินการในรายละเอียดเป็นลำดับต่อไป

โดย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ได้เน้นย้ำแนวทาง “รักษาคนเก่า ดึงคนใหม่” ด้วย การใช้กลไกภายในกระทรวงกลาโหมก่อนเป็นลำดับแรก และให้มีการประชุมย่อยหน่วยที่เกี่ยวข้องของ กลาโหม และเหล่าทัพ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การได้รับประโยชน์ให้ใกล้เคียงกันโดยเร็ว เพื่อจะได้นำไปประชาสัมพันธ์ผ่านโครงการรับสมัครทหารกองประจำการแบบสมัครใจผ่านระบบออนไลน์ เพราะจะเป็นกลุ่มหลักที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้

ส่วนการบริหารจัดการคนไร้ที่พึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. (ศปป.1 กอ.รมน.) บูรณาการร่วมกับ พม. และส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางการบริหารจัดการคนไร้ที่พึ่ง ในการปรับจุดแจกอาหาร จากเดิมบริเวณตรงข้ามส่วนการท่องเที่ยว เป็นด้านหลังส่วนการท่องเที่ยว ใต้สะพานปิ่นเกล้า และบริเวณข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณตรอกสาเก พร้อมลงทะเบียนผู้มารับอาหาร และจัดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผู้มาแจกอาหารให้ไปแจกตามจุดที่กำหนด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

สำหรับสถานที่รองรับ คนไร้บ้าน กอ.รมน. จะดำเนินการประสานกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในการขอใช้พื้นที่บริเวณการประปาแม้นศรี เตรียมดำเนินโครงการ “บ้านอิ่มใจ” เพื่อให้คนไร้บ้านมีที่พักพิงอาศัย โดยในระหว่างนี้ พม. ได้จัดพื้นที่รองรับคนไร้บ้าน โดยเปิดบ้านปันสุข (บ้านมิตรไมตรี ธนบุรี) ที่สามารถรองรับได้ 40 คน 20 เตียง เป็นที่พักชั่วคราว ทั้งนี้ กอ.รมน. และ พม. จะเร่งดำเนินการโครงการบ้านอิ่มใจ เพื่อช่วยเหลือ ควบคู่การฝึกอาชีพทักษะต่างๆ ให้คนกลุ่มนี้สามารถอยู่ในสังคมและช่วยเหลือตนเองได้ต่อไป