'สมศักดิ์' ควง 'อนุชา' ลงพื้นที่สุโขทัย จ่อผลักดัน เลี้ยงวัวพรีเมี่ยม-ปูไข่
“สมศักดิ์” ควง “อนุชา” ลุยสุโขทัย ติดตามโครงการเลี้ยงวัวนำร่อง 1 พันครอบครัว ปลื้ม โครงการสำเร็จ ออกลูกแล้ว 93% เดินหน้าเลี้ยงวัวพรีเมี่ยมต่อ ดึงเอกชน ทำเอ็มโอยู รับซื้อลูกวัวชน ตัวละ 2 หมื่นบาท การันตีมีเงินใช้หนี้ เล็ง ต่อยอดส่งเสริมเลี้ยงปูไข่เพิ่ม
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการมอบนโยบายให้แก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโค นำร่องจังหวัดสุโขทัยโดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ทีคะสุขผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริสส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายกฤษณ์พีรัช คมสุรศิษฐ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เข้าร่วม ที่จังหวัดสุโขทัย
โดยนายกฤษณ์พีรัช กล่าวรายงานว่า โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนำร่องในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ได้มีกองทุนหมู่บ้าน เข้าร่วมโครงการ 159 กองทุน จำนวนสมาชิก 1,000 ครอบครัว ให้กู้ยืมครอบครัวละ 5 หมื่นบาท เพื่อซื้อวัวครอบครัวละ 2 ตัว รวมเป็น 2,000 ตัว ซึ่งผ่านมา 1 ปี มีผลผลิตลูกโค จำนวน 1,860 ตัว คิดเป็น 93% รวมถึงยังมีแม่พันธุ์โค อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 50 ตัว กำลังตั้งท้องอีกด้วย จึงนับว่า เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานผลการดำเนินงานของโครงการ ถือว่ากองทุนหมู่บ้านฯ เริ่มประสบความสำเร็จ โดยตนได้เริ่มนำร่องเลี้ยงโค จำนวน 200 ครอบครัวโดยหาทุนจากภาคเอกชน มาให้ประชาชนเลี้ยง ซึ่งผ่านมา 3 ปี 9 เดือน จากเริ่มเลี้ยง 2 วัวปัจจุบันมีวัวถึง 9 ตัวแล้ว โดยเมื่อเห็นผล ตนจึงได้หารือกับนายอนุชา ขณะกำกับดูแลกองทุนหมู่บ้าน เพื่อช่วยกันทำโครงการนำร่อง 1,000 ครอบครัวขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นผลการดำเนินงาน ก็มองว่า ควรเดินหน้าส่งเสริมอาชีพต่อ แต่จะไม่ให้เลี้ยงแบบธรรมดาเหมือนโครงการนำร่องเพราะตนจะส่งเสริมการเลี้ยงแบบพรีเมี่ยม อย่าง วัวโกเบ ทาจิมะ หรือ วัวกีฬา เพราะวัวชนมีราคาที่สูง อย่าง วัวชนสายพันธุ์ดี อายุ 2 ขวบ มีราคาถึง 5-7 หมื่นบาท
“โครงการที่ผมจะผลักดันต่อคือ เลี้ยงวัวพรีเมี่ยม โดยเน้นการเลี้ยงวัวกีฬา ซึ่งโครงการนำร่องนี้ได้ผ่านคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯแล้ว ให้กู้ยืม 50,000 บาท จำนวน 400 ครอบครัว โดยจะมีการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ให้ภาคเอกชนรับซื้อลูกวัวชนตัวผู้ อายุ 1 ขวบ - 1 ขวบครึ่ง ในราคา 2 หมื่นบาท ซึ่งกรมปศุสัตว์ จะช่วยคัดเลือกแม่พันธุ์ให้ โดยหากได้สายพันธุ์ที่ดี ผมมั่นใจว่า จะมีราคาสูงกว่า 2 หมื่นแน่นอน ดังนั้น โครงการนี้ คนเลี้ยง จะมีผู้รับซื้ออย่างแน่นอน และการันตีราคาไว้อย่างชัดเจน จะทำให้สมาชิกกองทุน มีเงินใช้หนี้ และดูแลครอบครัวได้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังผลักดันการเลี้ยงโคแล้ว ตนก็จะส่งเสริมการเลี้ยงปูไข่ เพราะมองว่า น่าส่งเสริม เนื่องจากปูไข่ ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 4 เดือน จะโตเต็มที่ 2 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งจะมีราคาถึงกิโลกรัมละ 600 บาท จึงน่าส่งเสริมเป็นอีกอาชีพ เพราะกองทุนหมู่บ้าน ต้องช่วยส่งเสริมให้สมาชิกหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ ด้วยโครงการที่เป็นประโยชน์ อย่างโครงการนำร่องเลี้ยงวัว 1,000 ครอบครัว โดยต้องขอขอบคุณนายอนุชา ที่กล้าหาญขับเคลื่อนจนสมาชิกได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
ด้าน นายอนุชา กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจเยี่ยมผู้เลี้ยงวัว ซึ่งปัจจุบัน มีวัวถึง 50 ตัว หากคิดตัวละ 3 หมื่นบาท จะมีมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านบาท ทำให้ตนได้เห็นว่า การเลี้ยงวัว ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกหลานคนรวย แต่ก็สามารถมีเงินเลี้ยงชีพและใช้หนี้ได้ทำให้ตนสนใจการเลี้ยงวัว จึงได้ศึกษาโครงการเลี้ยงวัวนำร่องของนายสมศักดิ์ พบว่า มีประโยชน์เป็นอย่างมาก จึงนำมาสานต่อ เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ หลุดพ้นจากหนี้สินและความยากจน ซึ่งโครงการที่ตนนำมาสานต่อ จำนวน 1,000 ครอบครัว ขณะนี้ วัวออกลูกเกือบครบทุกครอบครัวแล้ว ทำให้แต่ละครอบครัวได้จับเงินแสนแล้ว
นายสมบูรณ์ นิรุตติเมธี หรือ ทนายต๋อย ผู้บริหารสนามกีฬาชนโคทุ่งทะเลหลวงสุโขทัย กล่าวว่าการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ตนจะคัดวัวดีจากภาคใต้ เข้าโครงการนี้ 400 ครอบครัว จำนวน800 ตัว โดยจะการันตีว่า แม่พันธุ์ จะผสมจนติดลูก ซึ่งหากเป็นหมัน สามารถเปลี่ยนได้ทันทีรวมถึงเมื่อลูกวัวชนตัวผู้ อายุ 1 ปี จะรับซื้อในราคา 2 หมื่นบาท ดังนั้น สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ จะไม่ทันได้เสียดอกเบี้ย ก็สามารถใช้หนี้ได้หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการมอบนโยบาย ได้มีการทำเอ็มโอยู ระหว่างกองทุนหมู่บ้านกับนายสมบูรณ์ นิรุตติเมธี หรือ ทนายต๋อย ผู้บริหารสนามกีฬาชนโคทุ่งทะเลหลวงสุโขทัย เพื่อทำสัญญาการรับซื้อลูกวัวชน จากผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งถือว่า เป็นการการันตีว่า มีผู้รับซื้อลูกวัวชนอย่างแน่นอน
จากนั้น นายสมศักดิ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ต่ออีก 3 จุด คือ ที่วัดศรีคีรีสุวรรณาราม ต.คีรีมาศอ.คีรีมาศ ที่ทำการกองทุนหมู่บ้านคลองปลายนา ต.บ้านสวน อ.เมือง และ ที่ทำการกองทุนหมู่บ้านชุมแสง ต.เกาะตาเลี้ยง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโคฯ ใน จ.สุโขทัย โดยมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน