'พริษฐ์' ยินดีฟัง 'ม็อบเสื้อขาว' จ่อลาออกสมาชิก ก.ก. ยันพร้อมปรับปรุง-แก้ไข
'พริษฐ์' ยินดีรับฟัง 'ม็อบเสื้อขาว' อ้างเป็นสมาชิก 'ก้าวไกล' จ่อลาออก ยันต้องการเป็นสถาบันการเมืองของ ปชช. เผยวิธีฟื้นศรัทธาดีสุดคือการกระทำ ย้ำพร้อมปรับปรุง-แก้ไข หากมีการสะท้อนปัญหา
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีม็อบเสื้อขาว ที่อ้างว่าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลประมาณ 10 คน จะมายื่นหนังสือลาออก เนื่องจากไม่พอใจในพฤติกรรมของ สส.ก้าวไกล บางส่วนนั้น จะกระทบต่อชื่อเสียงของพรรค และการหาสมาชิกพรรคเพิ่มหรือไม่ ว่า ในภาพรวมพรรคก้าวไกลเราตั้งเป้าหมายไว้อยู่แล้วว่า เราต้องการเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชน และสมาชิกอย่างแท้จริง หากมีสมาชิกพรรคที่อาจจะมีความกังวล หรือมีข้อท้วงติงมา เราก็ยินดีรับฟังทุกเสียง
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันพรรคก้าวไกลมีฐานสมาชิกทั้งหมด 70,000 กว่าคนทั่วประเทศ และเรายังคงตั้งเป้าไว้อีกสองส่วนคือ
1.การเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าว่าในปีนี้ อยากจะทำให้มากขึ้นถึง 100,000 คน และมีทิศทางที่เป็นไปด้วยดี หวังว่าในปีต่อไปจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
2.เราต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมของสมาชิกแต่ละคน ซึ่งในปัจจุบันก็มีการนำเสนอโครงสร้างใหม่ ในการคัดเลือกตัวแทนประจำอำเภอหากอำเภอนั้นๆ มีสมาชิกครบ 100 คน จะมีสิทธิ์ในการมาประชุมร่วมกัน เพื่อเลือกสมาชิกหนึ่งคนเป็นตัวแทนประจำแต่ละอำเภอ เป็นตัวแทนในการเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดทิศทางของพรรค รวมถึงการประชุมสามัญประจำปีของพรรคด้วย
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในการประชุมสามัญประจำปีของพรรคก้าวไกล ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. ถึง พ.ค. 2567 ผู้บริหารพรรคได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคชุดนี้จะหมดวาระลง ก็จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะเปิดให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการหาตัวแทนประจำอำเภอที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงนี้ เข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า แกนนำและหัวหน้าพรรคมีแนวทางในการฟื้นฟูศรัทธาของพรรคอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการฟื้นฟูที่ดีที่สุดคือ การฟื้นฟูด้วยการกระทำ ดังนั้น หากมีข้อท้วงติงอะไรมาว่า ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่สามารถป้องกัน หรือรับมือกับปัญหาใดๆ ได้ดีเท่าที่ควร เราสามารถประกาศมาตรการที่เราจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สิ่งที่น่าจะเป็นบทพิสูจน์ในการเรียกความเชื่อมั่นได้ดีที่สุดคือ การพิสูจน์ด้วยการกระทำ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราจะเดินหน้าต่อ
เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มองว่าเป็นกระบวนการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากมีการโพสต์และทวิตข้อความซ้ำๆ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าที่มาและความเห็นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อมีความเห็นเข้ามาว่า อาจจะมีประชาชนคนใดคนหนึ่งไม่พอใจ หรือต้องการวิพากษ์วิจารณ์ ท้วงติงพรรค ไม่ว่าเจตนาจะเป็นอย่างไร ตนยินดีรับฟัง
“ถ้าพรรคการเมืองจะเข้าไปบริหารประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกเสียงก็มีความหมาย” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นขอไม่ให้ความเห็นว่า เจตนาของแต่ละข้อเสนอแนะ หรือข้อวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างไร สิ่งที่ตนให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ตัวเนื้อหาสาระของคำวิพากษ์วิจารณ์นั้น และหากคำวิพากษ์วิจารณ์นั้น สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เราก็พร้อมที่จะรับฟัง และปรับปรุงแก้ไข