ภูมิธรรม จ่อถาม กกต. ‘ประชามติ’ แก้รธน. ผ่านโซเชียลฯ พร้อมเลือกตั้ง นายกฯ อบจ.
“ภูมิธรรม” เผย รอเปิดสภา ฟังความเห็น ”สส-สว.“ ถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ชี้ ”ประชามติ“ ยังเห็นต่าง 2หรือ3 ครั้ง จ่อถาม กกต. 3 ข้อ สัปดาห์หน้า ทำพร้อมเลือกตั้ง นานกฯอบจ. ได้หรือไม่ ใช้ระบบดิจิทัลผ่านโซเชียลมีเดีย ช่วยประหยัดงบ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เหลือเพียงการรับฟังความเห็นจาก สส.และ สว. ซึ่งได้ทำแบบสอบถามไปแล้ว เพื่อรอนำไปหารือร่วมกันเมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือนหน้า และคิดว่าไม่เกินกลางเดือนธันวาคม น่าจะรับฟังมาได้หมด หลังจากนั้นจะนำไปสรุปร่วมกันว่า ส่วนใหญ่ประชาชนคิดอย่างไร เห็นต่างอย่างไร โดยให้บันทึกไว้ทั้งหมดว่า มีมุมใดบ้าง จากนั้นส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในเรื่องการศึกษาทำประชามติ ยังมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องของการทำประชามติ ว่าจะทำ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญ ที่จะต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะหากส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วตีความว่า เราไม่สามารถทำได้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายจะตกไป ความคิดเห็นที่ทำมาก็จะตกไป ดังนั้นในสัปดาห์หน้า จะลงนามหนังสือ เพื่อสอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่ 3 ข้อ ว่า
1.การตีความของ กกต. จะมีการทำประชามติกี่ครั้ง
2.เพื่อประหยัดงบประมาณ จะสามารถจัดทำประชามติ ไปพร้อมกับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น เช่น การเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ ที่จะมีขึ้นในปีหน้าได้หรือไม่
3.โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น หากจะใช้โซเชียลมีเดียมาร่วมลงทะเบียนได้หรือไม่ หากทำได้จะสะดวกมากขึ้น อาจทำให้การใช้จ่ายในการเลือกตั้งลดน้อยลงไปมาก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีปัญหาเรื่องการตีความ ว่าใครมีอำนาจส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จึงมีการเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นศาลรัฐธรรมนูญในการตีความเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจของคณะกรรมการศึกษาฯ จึงเสนอให้พรรคการเมืองที่อยู่ในที่ประชุม ไปปรึกษาหารือ เพื่อให้มีการเสนอผ่านสภาฯ และ ให้สภาฯ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยให้ไปหาข้อสรุปกันในสภาฯ หากมีข้อขัดแย้ง สภาฯก็จะเป็นผู้เสนอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตีความ นอกจากนี้ได้กำชับให้อนุกรรมการการศึกษาฯ ได้ศึกษาควบคู่ขนานกันไปเลยว่า หากจำเป็นต้องมาแก้ มาตรา 256 เพื่อเปิดช่องให้มี ส.ส.ร.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เพราะจากการรับฟังความเห็นถ้าเอา ส.ส.ร.เลือกตั้งบางกลุ่มวิชาชีพไม่มีโอกาส จึงน่าจะมี ส.ส.ร. ที่มาจากการสุ่มหาจากวิชาชีพต่างๆ ที่ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไป จึงมอบให้อนุกรรมการศึกษาฯ ไปดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง