'อุปกิต' ฟ้อง 'โรม' 3 คดี 140 ล้าน ท้ากลับอย่าใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครอง
'อุปกิต' เดินหน้าลุยฟ้อง 'รังสิมันต์ โรม' ต่อเนื่อง ยันจุดยืนชัดเจน พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ท้ากลับแน่จริงอย่าใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครอง เผยมี 3 คดีเรียงคิว เรียกค่าเสียหายรวม 140 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมทนายความ เดินทางมาศาลตามกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี ที่ได้ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยมีมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจนายอุปกิตด้วย
นายอุปกิต กล่าวว่า การไต่สวนมูลฟ้องวันนี้เป็นคดีที่ตนเองฟ้องนายรังสิมันต์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา คดีที่ 2 เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท เดิมศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่นายรังสิมันต์ ขอเลื่อนนัด ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่เป็นวันนี้ โดยนายรังสิมันต์ ได้เดินทางมาที่ศาลด้วยเช่นกัน หลังจากลงนามชื่อในคำเบิกความและรายงานแล้ว ศาลได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
นายอุปกิต กล่าวอีกว่า คดีแรกที่ฟ้องนายรังสิมันต์ ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลมีคำสั่งรับฟ้องไปเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการขอประกันตัว แต่นายรังสิมันต์ ไม่มาฟังคำสั่งคดี อาจเนื่องจากว่า อยู่ในสมัยประชุมรัฐสภา ดังนั้นเข้าใจว่า การนัดฟังคำสั่งของศาลวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ในคดีที่ 2 นายรังสิมันต์ ก็คงไม่มาฟังคำสั่งอีก เพราะอยู่ในช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. 2566
“ขอตั้งคำถามไปถึงนายรังสิมันต์ว่า การไม่มาฟังคำสั่งคดี เป็นการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง สส.ปฏิเสธการให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ขณะที่ผมชัดเจนว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเคยอภิปรายแสดงเจตนารมณ์ในที่ประชุมวุฒิสภาแล้ว แต่เมื่อเป็นมติที่ประชุมวุฒิสภาซึ่งดำเนินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ที่จะไม่ส่งตัวผมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ผมก็ต้องเคารพมติที่ประชุม อย่างไรก็ตามยืนยันที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการฟ้องร้องเพิ่ม เนื่องจากแม้จะฟ้องนายรังสิมันต์ ไปแล้ว 3 คดี แต่ก็ยังพบว่า นายรังสิมันต์ไม่หยุดพฤติกรรมใส่ร้ายหมิ่นประมาทผม” นายอุปกิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุปกิต ดำเนินการฟ้องนายรังสิมันต์ รวมแล้ว 3 คดี เป็นคดีฟ้องต่อศาลอาญาข้อหาหมิ่นประมาท สำนวนแรก เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท สำนวนที่ 2 ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และล่าสุดฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว