เช็ก‘ฟอร์มฝ่ายค้าน’ด่านอภิปรายงบ '3ทสท.'รอจาก-ปชป.‘ไม่แตก-ไม่แตะ’?
“เช็กฟอร์มฝ่ายค้าน” วาดลวดลายอภิปรายงบประมาณ “ก้าวไกล” เดินยุทธศาสตร์ปั้นดาวรุ่งสีส้ม เสยหมัด "งบกองทัพ" ไม่ต่างจาก “ค่ายพระแม่ธรณี” ถูกจับตา คืนฟอร์ม “ฝ่ายค้านมือฉมัง” ? หรือเป็นแค่ “ประชาธิปัตย์การละคร” อย่าลืมสีฟ้าเวลาพลิกขั้วกันแน่?
Key Points
- “เช็กฟอร์มฝ่ายค้าน” ในการโชว์ลวดลายอภิปรายงบรอบนี้ต้องบอกว่า หลายคน “วาดลวดลาย” จนกลายเป็นแสงที่ถูกจับจ้องไปทั่วทุกหัวระแหง
- “พรรคก้าวไกล” เดินยุทธศาสตร์ปลุกปั้นดาวรุ่งสีส้ม โดยเฉพาะ “2สส.กทม.” ทั้ง “เอกราช อุดมอำนวย” - “กู้ดดี้” ชยพล สะท้อนดี เสยหมัดไปที่ "งบกองทัพ"
- "ประชาธิปัตย์” ย่อมถูกจับตาว่า ที่สุดสามารถคืนฟอร์ม “ฝ่ายค้านมือฉมัง” ในอดีตได้จริง หรือ เป็นแค่ “ประชาธิปัตย์การละคร” อย่าลืมสีฟ้าเวลาพลิกขั้วกันแน่?
มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 311 ต่อ 177 เสียง ฉลุย!วาระแรกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เมื่อช่วงค่ำวันที่5ม.ค.ที่ผ่านมา ทิ้งไว้ซึ่ง “องศาการเมือง” ที่กำลังร้อนฉ่า! เวลานี้
ไล่ลงลึกผลโหวตที่ออกมาชัดเจนว่า สะท้อนถึงความเป็นเอกภาพในแต่ละขั้วได้เป็นอย่างดี ขั้วรัฐบาลที่กุมเสียงข้างมากเกิน300เสียงแม้จะมีในส่วนของ “ขาประจำ” ที่ล่องหนบ้าง บางส่วนลาป่วยบ้าง หรือประธานรองประธานสภา ที่จะต้อง “งดออกเสียง” ตามธรรมเนียมปฏิบัติแต่มติที่ออกมาสะท้อนว่า ฉลุยวาระแรกแบบสบายๆ
ต่างจากซีก“ฝ่ายค้าน” กลับพบว่ามี4เสียง “โหวตสวน” ด้วยการ “เห็นด้วย” ร่างพ.ร.บ.งบ67 แบ่งเป็น “3สส.ไทยสร้างไทย ” คือ สุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร หรั่ง ธุรพล สส.อุดรธานี อดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปไตยใหม่ 1เสียง คือ สุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ลงมติ“เห็นด้วย” กับร่างพ.ร.บ.งบ67
ในส่วนของ “สุรทิน” นั้นไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร เพราะแม้พรรคประชาธิปไตยใหม่ จะถูกจัดอยู่ในลิสต์พรรคฝ่ายค้านแต่ก็เป็นที่รู้กันว่า เจ้าตัวมีความสนิทสนมมีสายสัมพันธ์อันดีทั้งกับ “บิ๊กป้อม ”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ และร.อ.ธรรมนัส พรหมผ่า เลขาธิการพรรครวมถึงสมาชิกในขั้วรัฐบาลหลายคนเป็นอย่างดี
แน่นอนว่า “4เสียง” ฝ่ายค้าน ที่โหวตสวน ย่อมส่งผลไปถึงสูตรการเมืองหลังจากนี้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะพรรคไทยสร้างไทยซึ่งช่วงที่ผ่านมาถูกจัดเป็น1ในอะไหล่ชิ้นสำคัญใน“สมการพลิกขั้ว”
นอกจากนี้เมื่อ“เช็กฟอร์มฝ่ายค้าน” ในการโชว์ลวดลายอภิปรายงบรอบนี้ต้องบอกว่า หลายคน “วาดลวดลาย” จนกลายเป็นแสงที่ถูกจับจ้องไปทั่วทุกหัวระแหง
ไล่ตั้งแต่ “พรรคก้าวไกล” รอบนี้เดินยุทธศาสตร์ปลุกปั้นดาวรุ่งสีส้ม โดยเฉพาะ “2สส.กทม.” ทั้ง “เอกราช อุดมอำนวย” ที่กระทุ้งพุ่งตรงไปที่งบกองทัพ ถึงสารพัดเงินทอนที่หลบซ่อนอยู่
เช่นเดียว “กู้ดดี้” ชยพล สะท้อนดี ที่เสยหมัด ไปที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ประเด็นจัดซื้ออาวุธ ตั้งฉายา “สุทิน ดาวน์น้อย” จนกลายเป็นไวรัลและถูกพูดถึงตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ร้อนถึง “บิ๊กทิน” รวมถึงกองทัพที่ต่างพาเหรด ชี้แจง ไม่ใช่ “สุทิน ดาวน์น้อย”
“ขอเงินดาวน์ไป 20% แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 15% เพราะปีงบประมาณ 67 เหลือเวลาใช้งบเพียง 4 เดือน กังวลว่าใช้งบประมาณไม่ทัน ไม่ใช่กรณีดาวน์น้อย เพื่อผ่อนนาน” สุทิน ชี้แจงในสภา
ไล่ต่อมาที่ “ค่ายพระแม่ธรณี” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้างลาบทบาท “ฝ่ายค้านมือฉมัง” ไปนานแรมปี ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่สภาชุดเลือกตั้ง2554 ที่วาดลวยลายหมอผีปราบจำนำข้าว ขยายลามนอกสภาในนามกปปส.จนกระทั่งล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเกิดการรัฐประหาร22พ.ค. 2557 ในท้ายที่สุด
ฉะนั้นการ “คืนฟอร์ม” ฝ่ายค้านในรอบ10ปี แถมยังมี “พรรคเพื่อไทย” คู่อริเก่าเป็นรัฐบาล จึงเป็นเสมือนหนังม้วนเดิมที่วนลูปกลับมาอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกันกับการปรากฎ “ข่าวลือ-ข่าวลวง” ดีลลับสลับขั้วการเมืองในยุคผลัดใบสีฟ้า
แน่นอนว่า“ประชาธิปัตย์” ย่อมถูกจับตาว่า ที่สุดสามารถคืนฟอร์ม “ฝ่ายค้านมือฉมัง” ในอดีตได้จริง หรือจะเป็นเพียงแค่ “ประชาธิปัตย์การละคร” อย่าลืมสีฟ้าเวลาพลิกขั้วกันแน่?
“เช็กฟอร์ม” ประชาธิปัตย์รอบนี้ โดยเฉพาะประเด็น “เขย่าสนั่น!ชั้น14” เปิดหัวคนแรกที่ “อู้ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าและลูกหม้อเก่าแก่พรรคสีฟ้า ถูกยกให้เป็นนักอภิปรายที่ยังคงไว้ลาย “ความเก๋าเกม” ในฐานะสส.11สมัยไม่เคยร่วง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งฉายา “งบเป็ดง่อย” มีงบแต่แทบจะทำอะไรไม่ได้เพราะมีเวลาใช้งบแค่ราว5เดือน
หรือในส่วนของ “นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งฉายาว่าเป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” จนร้อนถึง “นายกฯเศรษฐา” ที่ตอบโต้กลับในวันถัดมา “กู้แล้วมาทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ”
เหนือไปกว่านั้นคือ “กล่องดวงใจ” พรรคเพื่อไทยนั่นคือนายใหญ่ชั้น14 ตั้งคำถาม กรมราชทัณฑ์ ระบุถึงการเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง 2.8 แสนคน ซึ้งมีข้อสงสัยทำไมรัฐบาลนี้จึงปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว”
ร้อนถึงพลพรรคเพื่อไทยที่ตบเท้าสวมบทบาท “องครักษ์พิทักษ์นาย” กันจ้าละหวั่น!
ขณะที่อีกหนึ่งลายครามอย่าง “ชวน หลีกภัย” สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรค รอบนี้ไม่ได้อภิปรายในสภา แต่วาดลวดลายความเก๋าแบบแยบยลด้วยการ ชิงจังหวะ “ขยี้แผล” งบประมาณ ตั้งกระทู้เป็นหนังสือถาม5ประเด็น กับ “นายกฯเศรษฐา” ถึงเหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547
ลูกเก๋า “นายหัวชวน” นอกเหนือจากจะถูกมองว่าเป็น “เกมคู่ขนาน” นอกสภาแบบแยบยลแล้ว
ยังถือว่าเป็นการเล่นบท “เสี้ยนหนาม” สำคัญต่อ“สูตรพลิกขั้ว” ของอีกกลุ่มก้อนในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างความหวาดระแวงให้กับพรรคปลายทางในการตัดสินใจได้อีกทางหนึ่งด้วย
ไล่มาที่อีกคนที่ดูเหมือนว่าจะมีประเด็นเกี่ยวโยง “นายใหญ่ชั้น14” นั่นคือ “ลูกสาวบ้านใหญ่ตรัง” อย่าง “สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ” สส.ตรัง อภิปรายงบดับไฟใต้ ยกฉายาเศรษฐา “เซลล์แมนสแตนด์ชิน” จัดสรรงบภาคใต้น้อยไม่ต่างอะไรกับ “ดีเอ็นเอไทยรักไทย”
เป็นอีกหนึ่งช็อตที่ทำให้พลพรรคเพื่อไทยที่ตบเท้าสวมบทบาท “องครักษ์พิทักษ์นาย”
ไม่ต่างจาก“เศรษฐา” ที่ยืนยันเสียงแข็ง “ไม่เคยกีดกันคนพื้นที่ภาคใต้ นำนโยบายเพื่อพัฒนาพื้นที่ เตรียมบินลงใต้ สิ้นเดือนก.พ. หวังโปรโมทของดีในพื้นที่”
ทว่าปรากฎการณ์เกมสภา “เขย่าสนั่น!ชั้น14” ในค่ายพระแม่ธรณี ในช่วง2-3วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า “ยังไม่สาแก่ใจ” บรรดาแฟนคลับ รวมถึง “ศิษย์เก่า-ศิษย์ปัจจุบัน” ค่ายสีฟ้า
โดยเฉพาะในส่วนของ “สส.แทน” ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ที่เป็นถึงประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาฯ ที่แม้จะขึงขังเตรียมบุกชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจในวันที่7ม.ค.นี้
แต่การอภิปรายกลับไม่มีการทวงถามงบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลตำรวจ หรือแม้แต่งบกระทรวงสาธารสุข ที่เข้ามีส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล“ทักษิณ” ชินวัตร
มติปชป.ที่ออกมาแบบไม่แตกแถว ของ “24สส.” (ชาตรี หล้าพรม สส.สกลนครลาป่วย ) ที่ไม่เห็นด้วยร่างพ.ร.บ.งบประมาณตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน
สอดคล้องกับท่าทีของแกนนำคนสำคัญ โดยเฉพาะ“เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค จะพยายาม “ย้ำแล้ว ย้ำอยู่ ย้ำต่อ(เฉลิมชัย)” หลายต่อหลายครั้งว่า ประชาธิปัตย์ยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และไม่ใช่ “พรรคอะไหล่” แม้จะเป็นด่านแรกที่ยืนยันการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาเวลานี้
แต่ข่าวคราวสะพัดถึงการ “ทอดไมตรี” ขั้วตรงข้าม ทิ้งไว้ซึ่งปริศนา “ปล่อยเห็นเป็นเรื่องของอนาคต” ในช่วงที่ผ่านมา
คงต้องจับตาดูกันไปยาวๆ ว่า ท้ายที่สุด “ค่ายพระแม่ธรณี” ที่เวลานี้แบ่งเป็น “2ขั้ว” ชัดเจนทั้ง “ขั้วเฉลิมชัย” และ “ขั้วผู้เฒ่าสีฟ้า” จะประสานรอยแยกคืนฟอร์ม“ฝ่ายค้านมือฉมังค์”ได้จริง?
หรือที่สุดจะเป็นเพียงแค่การ “รอจังหวะ” โดยเฉพาะยามนี้ซึ่งกระแสพรรคเพื่อไทยอาจยังไม่ท๊อปติดลมบน สอดคล้องกับผลสำรวจหลายสำนัก เพื่อทอดเวลารอกระแสฟื้น!แต่เพียงเท่านั้น
ทั้งหมดทั้งมวลประชาชนที่ติดตามการอภิปรายงบจะเป็นผู้ตัดสิน
ศึกงบประมาณวาระแรกยังถือว่าเป็นแค่ “น้ำจิ้ม” ต้องลุ้นอีกหลากหลายด่านเบื้องหน้าโดยเฉพาะการพิจารณา “ชั้นกมธ.” ซึ่งถือเป็นด่านปราบเซียนในการยักย้ายถ่ายเทงบประมาณที่เป็น “เค้กชิ้นโต” ของบรรดานักเลือกตั้งหลังจากนี้ต่อไป