‘พิธา’ ลั่นสอบปม ‘ทักษิณ’ เต็มที่ เรื่องระบบไม่ใช่บุคคล ดันนิรโทษฯเท่าเทียม

‘พิธา’ ลั่นสอบปม ‘ทักษิณ’ เต็มที่ เรื่องระบบไม่ใช่บุคคล ดันนิรโทษฯเท่าเทียม

‘พิธา’ แบไต๋เตรียม 3 หัวใหญ่ซักฟอก ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ทั้งความล้มเหลวบริหาร-คอร์รัปชัน-ทำงานช้า ยันข้อมูลเข้าหลังบ้านทุกสัปดาห์ ลั่นลุยสอบปม ‘ทักษิณ’ เต็มที่ ชี้เรื่องของระบบ ไม่ใช่บุคคล ต้องดันนิรโทษกรรมเพื่อความเท่าเทียม ป้องไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2567 ที่ห้อง 601 ฝั่ง สส. รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่วางไทม์ไลน์ช่วงเดือน เม.ย. 2567 เตรียมไว้แล้วหรือไม่ ว่า เตรียมไว้ 3 ข้อใหญ่ ๆ คือ ความล้มเหลวในการบริหาร การประพฤติมิชอบ และอาจจะมีเรื่องคอร์รัปชัน รวมถึงมีหลายเรื่องที่อาจทำงานช้าเกินไป สายเกินไป ถ้าไม่ตรงกับความท้าทายหรือศักยภาพของประเทศ คงดำเนินการ อย่างที่เรียนว่า ไม่มีโอกาสพูดกับสื่อมาก แต่หลังบ้านมีข้อมูลเพิ่มเติมทุกสัปดาห์ สัญญากับประชาชนว่าจะทำให้ไม่ผิดหวัง และมาตรฐานคงไม่ต่ำไปกว่า 4 ปีที่ผ่านมา
    
“เราอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เราเป็น law maker การทำกฎหมายก้าวหน้าเป็นงานของเรา เราต้องตรวจสอบตรงไปตรงมาเต็มที่ แต่การตรวจสอบอย่างเดียวไม่พอ เราต้องแนะนำ เผื่อถ้าเราเป็นรัฐบาลด้วยตัวเอง จะได้ไม่ติดขัด ทำงานได้เลย ถือเป็นการเรียนรู้ไปในตัว” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามถึงกระบวนการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล หลายฝ่ายมองว่าอ่อนแอหลังพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร นายพิธา กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เราทำงานตรงไปตรงมา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของระบบ ไม่ใช่เรื่องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องความสะใจ แต่ระบบที่ควรมีความเสมอภาคกัน ระหว่างคนที่โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง คนที่ลี้ภัยไปต่างประเทศ รวมถึงประชาชนหลายคนที่อยู่ในเรือนจำ ควรได้รับโอกาสกลับเข้าสู่กระบวนการอย่างเท่าเทียมกัน เราจึงพยายามผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมให้เกิดความเท่าเทียม ไม่ได้ต้องการเน้นว่าจะสนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือโจมตีใคร แต่ไม่ต้องการให้ไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน เราพยายามตรงนี้ไปข้างหน้าให้ได้
    
เมื่อถามย้ำว่า คนยังจำว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าแตะประเด็นนายทักษิณ ขนาด สว.อาจทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านได้มากกว่า นายพิธา กล่าวว่า อายุเวลาไม่เท่ากัน เรายังมีเวลาในการทำงาน การทำงานที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่ใครทำก่อนหรือหลัง แต่คือใครทำตรงเป้าหมายมากกว่า ถ้า สว.เห็นว่าถึงแก่เวลาแล้ว เป็นสิทธิ์ของ สว.ที่จะทำตรงนั้น แต่ที่แปลกคือ สว.ประชุมกันมาหลายปี เพิ่งเห็นว่าเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจสอบรัฐบาล ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับไป แต่ของเราอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกปี และไม่เคยผิดหวังทุกปี ไม่มีการออมมือ

เมื่อซักอีกว่า เรื่องนายทักษิณถูกกระทำ อาจเกิดจากกระบวนการไม่ธรรม แต่ตอนนี้สถานการณ์ของนายทักษิณที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจเขามองว่าเกิด 2 มาตรฐาน แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้แอคชั่นเรื่องนี้ นายพิธา กล่าวว่า ถ้าให้เป็นรูปธรรม และใช้กลไกสภาฯ ก็อย่างที่ได้เล่าไปว่า นายชัยธวัช ใช้โอกาสในการตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ไปแล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีนักโทษสูงอายุ มีอาการป่วย และไม่มีโอกาสได้รับการเข้าถึงแบบนี้ พยายามยกตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า 2 มาตรฐานจริง ๆ 

“ต้องยอมรับว่า นายทักษิณโดนกลั่นแกล้งทางการเมืองแบบ 2 มาตรฐานเช่นกัน ไม่ได้หมายความว่า 2 มาตรฐานที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ จะไปล้มล้าง 2 มาตรฐานในอดีต ไม่ควรเกิดขึ้น ควรเป็นมาตรฐานเดียวทั้งก่อนและหลัง อย่างไรก็ดีติดตามตลอด จะใช้กลไกทั้งในและนอกสภาฯ ติดตามเรื่องนี้” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า อะไรเกิดขึ้นก่อนระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเลือก กก.บห.ชุดใหม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ต้องขอดูก่อน แต่ต้องพูดให้ชัดก่อนว่า เม.ย.จะอภิปรายหรือไม่ แต่ใช้คำพูดว่า เริ่มเข้าโซน ผ่านมา 8-9 เดือน เป็นโซนที่ต้องใช้สิทธิในการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 151-152 ในการอภิปราย