อัศวินม้าขาวเกิดจากการหาเหาใส่หัว | ไสว บุญมา
สุภาษิตไทยหลายสำนวนอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา รวมทั้งด้านระบอบประชาธิปไตย หากใช้แบบมักง่ายโดยหวังผลเพื่อตนเองเท่านั้น เช่น อย่าหาเหาใส่หัว อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน และอย่าหาห่วงมาคล้องคอ
สุภาษิตเหล่านี้อาจมีผลเช่นเดียวกับสำนวนของกวีเอกสุนทรภู่ ในนิทานเรื่องพระอภัยมณี ตอนฤๅษีสอนสุดสาครว่า “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ซึ่งมีความหมายคล้ายกับ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
ร้ายยิ่งกว่าการเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา อาจได้แก่ การสร้างผลเสียหายร้ายแรงต่อสังคม โดยเฉพาะในกรณีที่มีการนำสุภาษิตเหล่านั้นและคำคมต่างๆ ไปอ้างเพื่อเข้าข้างพฤติกรรมกระทำชั่วของตัวเอง
ชาวไทยโดยเฉพาะใน กทม.และนักศึกษาคงมีข้ออ้างต่างๆ นานาในการไม่เข้าร่วมการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ตรงหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้การชุมนุมโหรงเหรงมากจนไม่น่าบรรลุเป้าหมาย ต่างกับการชุมนุมของ คปท.ในช่วงปี 2556-2557
ครั้งนั้นคงจำกันได้ว่า ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มต่างๆ อย่างล้นหลาม รวมทั้งตรงหน้าเวที คปท. มีผู้ประเมินว่าจำนวนเกิน 1 ล้านคนใน “วันมวลมหาประชาชน” 24 พ.ย.2556 ก่อนวันนั้น มีผู้ทำนายว่าถ้าชาวไทยออกมาประท้วงอย่างแข็งขันร่วมกัน 1 ล้านคนตามแนวคิดทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ซึ่งพิมพ์ไว้ตรงหน้าอกเสื้อยืดสีขาวว่า “สิบแสนกระพือปีก” รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้
คำทำนายถูกต้องเมื่อการประท้วงอย่างกว้างขวางนั้นทำกันเรื่อยมาจนเกิดรัฐประหารในเดือน พ.ค.2557 เหตุการณ์ในแนวนี้เคยมีมาก่อน เช่น เมื่อเดือน ต.ค.2516 แม้ผู้เข้าร่วมประท้วงครั้งนั้นจะเป็นเพียงหลักแสนก็ตาม
ปัจจัยนำที่ทำให้ชาวไทยนับแสนนับล้านออกมาต่อต้านรัฐบาลอย่างกว้างขวางในปี 2516 และปี 2557-2558 จนรัฐบาลสูญอำนาจ ได้แก่ ความฉ้อฉล แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าผู้กำอำนาจต่อมาก็มิได้ปราศจากความฉ้อฉล ส่งผลให้เมืองไทยจมอยู่ในวงจรอัปรีย์และเสียโอกาสที่จะพัฒนาหลายด้านมาตั้งแต่ครั้งหลังยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี 2475
ความโหรงเหรงของการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ. เป็นที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังเป็นตัวเดียวกันกับการชุมนุมเมื่อปี 2556-2557 คงจะอนุมานได้ว่าชาวไทยส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในภาวะที่จะไปร่วมได้ไม่ทำ เนื่องจากมองว่าการเหยียบย่ำกระบวนการยุติธรรมไม่สำคัญ หรืออาจรอให้กรรมทำหน้าที่ของมันดังที่โพสต์กันมากมายในสื่อสังคมออนไลน์
โดยปราศจากความเข้าใจว่า กรรมตามธรรมกับกรรมตามวินัย หรือตามบัญญัตินั้นซ้อนกันอยู่ กรรมตามวินัยเป็นไปตามกฎหมายของบ้านเมือง อันเป็นฐานของกระบวนการยุติธรรมซึ่งกำลังถูกเหยียบย่ำจนป่นปี้
กรรมนี้ต้องชำระทันที รอไม่ได้ พร้อมๆ กับการรอให้กรรมทำหน้าที่มีผู้อ้างว่าอัศวินม้าขาวจะเข้ามากอบกู้เมืองไทย โดยมิได้ระบุว่าจะมาจากไหน
อย่างไรก็ดี ตามแนวคิดทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก อัศวินม้าขาวต้องมาจากชาวไทยมีพฤติกรรมตรงข้ามกับสุภาษิตที่อ้างข้างต้น นั่นคือ ต้องหยุดมักง่าย และ “หาเหาใส่หัว” พร้อมกับต้องไม่ดูดายเมื่อเห็นใครฉ้อฉล
ทุกคนที่มองตนว่าเป็นคนดีต้องมีศรัทธาในทฤษฎีนั้น เชื่อมั่นว่าการกระทำของตนแม้เพียงเล็กน้อยมีความสำคัญ เนื่องจากหากคนไทยส่วนใหญ่พร้อมใจกันต่อต้านคนฉ้อฉล ผลจะเป็นการเกิดอัศวินม้าขาว.