เหลื่อมล้ำ จากรากหญ้าถึงชั้น 14 | วิทยา ด่านธำรงกูล

เหลื่อมล้ำ จากรากหญ้าถึงชั้น 14 | วิทยา ด่านธำรงกูล

ความเหลื่อมล้ำเป็นมหากาพย์ที่พูดกันมายาวนาน รับรู้ปัญหากันดี นักการเมืองมักจะหยิบเรื่องความเหลื่อมล้ำมาเป็นเครื่องมือหาเสียง

ฝ่ายค้านเอามาเป็นประเด็นซักฟอกรัฐบาล ทุกคนพูดมาเนิ่นนาน แต่อันดับความเหลื่อมล้ำของประเทศยังไม่ดีขึ้นไม่ว่าโดยข้อเท็จจริงหรือความรู้สึกของผู้คน

ปัญหานี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ และนำไปสู่ความด้อยพัฒนาทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ หากไม่แก้ไขอย่างจริงจัง

สังคมที่เหลื่อมล้ำสูงมักสร้างความแตกแยก ขาดความสามัคคีและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันสูง หาความปรองดองได้ยาก สร้างปัญหาอาชญากรรม นำไปสู่ความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในที่สุด

ยิ่งมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสูงๆ ด้วย ยิ่งจะส่งผลให้ทรัพยากรมนุษย์ขาดคุณภาพ การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปได้ยากและฉุดรั้งความเติบโตของประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ต้องยอมรับความจริงว่าความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องธรรมชาติที่อยู่คู่มนุษย์มาแต่ดึกดำบรรพ์ หรือจะพูดได้ว่าความเท่าเทียมไม่เคยมีอยู่จริงในโลกนี้ เพียงแต่จะมีความเหลื่อมล้ำระหว่างกันมากหรือน้อยเท่านั้น

สังคมที่ความเหลื่อมล้ำน้อยจะมีความสงบสุขกว่า เกิดความรุนแรงน้อยกว่า เศรษฐกิจพัฒนาได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับสังคมที่ความเหลื่อมล้ำสูงกว่า บ่อเกิดความเหลื่อมล้ำบางเรื่องแก้ได้ยากเพราะเป็นไปโดยธรรมชาติ

เช่นการเป็นอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในเรื่องภูมิศาสตร์ ทรัพยากรและความสามารถในการเข้าถึง พื้นที่ทุรกันดารขาดทรัพยากร ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็ย่อมเผชิญความเหลื่อมล้ำสูงเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์กว่าโดยเงื่อนไขของธรรมชาติ 

แต่บ่อเกิดความเหลื่อมล้ำในโลกนี้ส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเองมากกว่าจะเป็นข้อจำกัดจากธรรมชาติ ตั้งแต่การสร้างความเหลื่อมล้ำบนความแตกต่างทางชาติกำเนิด เพศสภาพ เชื้อชาติ ศาสนา วรรณะ

เหล่านี้เป็นเรื่องที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้นไม่ว่าโดยข้อเท็จจริงหรือจินตนาการ ความเหลื่อมล้ำอาจมาจากการใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญและกอบโกยจนทำให้คนบางพวกเหนือกว่าคนอีกพวก

เช่น ลัทธิการล่าอาณานิคมเพื่อจะกอบโกยทรัพยากรของคนอื่นไปเป็นของตนเอง เป็นตัวอย่างความเหลื่อมล้ำในอดีต

ความเหลื่อมล้ำในยุคใหม่มาพร้อมกับการสร้างกลุ่มก้อนความร่วมมือต่างๆ ระหว่างประเทศ อย่างการสร้างเงื่อนไขการค้าเสรี นำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำกับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่จะถ่างให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำขยายออกไปมากขึ้นทั้งระดับเมือง ชนบท ไปจนถึงระดับประเทศและโลก 

ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างคืออีกเรื่องที่พูดกันมายาวนานในบ้านเรา แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข นับวันจะสร้างกลุ่มทุนผูกขาด กลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่กวาดผู้ประกอบการรากหญ้าออกไปจากตลาด การสร้างกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีเส้นสายโยงใยกับผู้มีอำนาจที่พร้อมจะเอื้อประโยชน์ต่อกันในกลุ่ม

ยังอีกทั้งปัญหาใหญ่มากคือเรื่องคอร์รัปชัน ที่เป็นบ่อเกิดสำคัญของความเหลื่อมล้ำ รวมถึงความเหลื่อมล้ำในเรื่องการศึกษา ที่ทำให้ผู้คนขาดโอกาสที่จะเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ครูที่มีคุณภาพ แหล่งทุนและทรัพยากรการศึกษาที่มีคุณภาพและเพียงพอ

ตราบใดที่เรื่องเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข เรื่องเหลื่อมล้ำก็จะต้องพูดกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อบ่อเกิดของความเหลื่อมล้ำส่วนใหญ่มนุษย์เป็นผู้สร้างก็ย่อมจะต้องแก้ด้วยมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น รัฐบาลมีหน้าที่ต้องแสดงบทบาทนี้อย่างจริงจัง ต้องกล้าหาญพอที่จะยกเครื่องระบบภาษีไม่ให้เอื้อต่อคนชั้นสูง ต้องปฎิรูประบบการถือครองที่ดิน

รื้อระบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก ระบบผูกขาด ระบบงบประมาณต้องยึดสภาพการพัฒนาที่เป็นจริงและความยากจนของประชาชนเป็นตัวกระจายงบประมาณ ต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง สร้างโอกาสให้เมืองและชนบทได้เรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลที่เท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีพื้นฐาน

ปกป้องคนรากหญ้าในการประกอบอาชีพ ให้สามารถเข้าถึงโอกาสและแหล่งทุน เปิดพื้นที่ให้ผู้ด้อยโอกาสได้เรียกร้องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังและรวดเร็ว

สำคัญที่สุดต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังและยึดมั่นต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและเสมอหน้ากันกับทุกคนไม่ว่าจะรากหญ้าหรือคนชั้นไหน 

ปรากฏการณ์ที่คนบางชั้นต้องโทษหนีคดีแล้วกลับมาแบบนักโทษพร้อมลั่นวาจาว่า “จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว” จากนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากพรรคและพวกให้ไม่ต้องติดคุกจริงๆ สักวันเดียวแบบค้านสายตาประชาชน

ปรากฏการณ์เช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล จะยิ่งซ้ำเติมให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้นไปอีกในสังคมไทย จากนี้ไปจะมีใครเชื่อว่ารัฐบาลจะจริงจังจริงใจต่อการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้

เพราะสิ่งที่เห็นและเป็นไปสะท้อนว่ารัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชนอีกมากมายที่ต้องทนทุกข์กับความเหลื่อมล้ำเพียงเพราะเขาไม่มีอำนาจ พรรคพวก และเงินทองที่จะ “เกี้ยเซียะ” กับทุกฝ่ายให้เปิดไฟเขียวตลอดทางแบบคนชั้น 14

ความเหลื่อมล้ำส่วนใหญ่นั้นสร้างโดยคน ต้องแก้โดยคน โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจในรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ได้สูญเสียโอกาสที่จะแสดงบทบาทในการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ไปแล้วอย่างน่าเสียดาย

ขอไว้อาลัยให้กับรัฐบาลนี้ที่ไม่เหลียวแลใยดีกับคนต่ำกว่าชั้น 14 เอาเสียเลย.