‘ก้าวไกล’ ปอกเปลือกงบฯ 67 แฉเล่ห์นักเลือกตั้ง ‘ตัดย่อย-ซอยงบ’
หากสุดท้าย “แจกเงินดิจิทัล” ไม่ได้ไปต่อ น่าสนใจการเลือกตั้งครั้งต่อไป จำนวนฐานเสียง “สีแดง” จะลดน้อยถอยลงมากน้อยแค่ไหน หาเทียบกับ “ศัตรูตัวฉกาจ” อย่าง “ก้าวไกล” ที่นับวันมีแต่แข็งแกร่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
KEY
POINTS
- เปิดหลังม่าน กมธ.งบฯ 67 “ก้าวไกล” ออกโรงแฉหมดเปลือก ความไม่ชอบมาพากล “ตัดย่อย-ซอยงบ” กันวันสุดท้าย
- งบฯ 67 ถูกเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 2 ล้านล้าน จาก 3.48 ล้านล้าน เหลือใช้จริงแค่ 41% ก่อนถมลงงบกลางกว่า 9 พันล้าน
- “ศิริกัญญา” ยืนยันชัดเจน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่ทันได้นับหนึ่งก็แท้งเสียก่อน เชื่อรัฐบาลกำลังหาทางลง
- “ชยพล” เสียดายงบจัดซื้อ “เรือฟริเกต” ทร.โดนคว่ำ ทั้งที่มีความจำเป็น สร้างความมั่นคงทางทะเล ช่วยอุตสาหกรรมต่อเรือ
- “สุรเชษฐ์” ออกโรงแฉ สว.-สส.เพื่อไทย รวมหัวเบื้องหลังตั้งงบสร้าง “ฝายซีเมนต์” ทั่วประเทศ 1.2 พันล้าน ตั้งงบฝายละ 5 แสน หลีกเลี่ยงแข่งขันราคา สุดท้ายไปไม่รอด โดนตัดงบออก
นับเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ พลันที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 หรือ “กมธ.งบฯ 67” สัดส่วนพรรคก้าวไกล ออกโรงหนุนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของ “กองทัพ” ทั้งที่ภาพลักษณ์หลายปีที่ผ่านมา มีที่ท่า “คัดค้าน” การทำงาน หรือรูปแบบ “องค์กรลายพราง” มาโดยตลอด
โดยประเด็นที่น่าสนใจคือการ “จัดซื้อเรือฟริเกต” ของ “กองทัพเรือ” ที่ กมธ.งบฯ 67 สัดส่วน “ก้าวไกล” ทุกคนออกโรงหนุนว่าควรอนุมัติงบกว่า 1.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของวงเงินโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของ ทร. ที่มีประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี กมธ.งบฯ 67 ในสัดส่วนพรรคอื่น มีมติเสียงข้างมาก “คว่ำ” ข้อเสนอนี้ของ ทร. ทำให้ต้องอดซื้อเรือฟริเกตไปก่อน หลังจากก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ “เรือดำน้ำ” แบบ “เต็มลำ” ที่จัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีน ซึ่งดำเนินการในยุครัฐบาล คสช.
นอกเหนือจากการ “ตีตก” งบจัดซื้อ “เรือฟริเกต” แล้ว ยังมีการเพิ่ม-ลดวงเงินงบประมาณในลักษณะ “กลิ่นตุ ๆ” หลายครั้ง จน กมธ.งบฯ สัดส่วน “ก้าวไกล” อดรนทนไม่ไหว ถึงกับต้องเปิดแถลงข่าว นำโดย “เดอะไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย 2 ขุนพลตรวจสอบของพรรคขนาบข้าง คือ “สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และ “ชยพล สท้อนดี” สส.กทม. ในชื่อว่า “Policy Wach ในหัวข้อ "รวบตึงงบฯ 67 จากห้อง กมธ.”
เริ่มจาก “ศิริกัญญา” เปิดประเด็น “ช่องโหว่” ในการใช้งบประมาณที่เป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ โดยวงเงินงบประมาณปี 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ถูกหน่วยงานราชการเบิกจ่ายไปแล้วเกือบ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีแค่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เท่านั้นที่อนุมัติได้ ดังนั้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 วาระ 2-3 ที่จะเกิดขึ้นในสภาฯ ช่วงปลาย มี.ค.นี้ จะเป็นการพิจารณาวงเงินคงเหลือแค่ 41% เท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นควรเสนออุดช่องโหว่ตรงนี้ด้วยการควรให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้อนุมัติเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังสังเกตว่ามีความ “ตัดย่อย-ซอยงบ” กันในวันสุดท้ายก่อนปิดประชุม กมธ.งบฯ เช่น เรือฟริเกต ก็ตัดวันสุดท้าย การก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของ สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น โดยปีนี้ตัดงบไปได้ 9,024 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้ก็จะถูกเฉลี่ยไปที่หน่วยงานที่ของบเพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะไปลงที่งบกลาง ส่วนใหญ่คือกระทรวงแรงงาน เพื่อนำไปเป็นวงเงินสมทบประกันสังคม ที่ทุกวันนี้ผู้ประกันตนถูกรัฐบาลเล่นตุกติกอยู่ เนื่องจากไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยครบ และไม่เคยจ่ายเงินสมทบ
ส่วนกระทรวงที่ถูกตัดงบที่สุดคือกระทรวงกลาโหม รายการใหญ่ที่สุดที่ถูกตัดคืองบจัดซื้อเรือฟริเกต วงเงิน 1.7 พันล้านบาท โดย “ชยพล สท้อนดี” สส.กทม. หนึ่งใน “ดาวรุ่งสีส้ม” ที่ถูกผลักดันให้มาตรวจสอบกองทัพ ยืนยันว่า โครงการนี้สร้างผลประโยชน์ความมั่นคงทางทะเล ช่วยต่อยอดด้านเศรษฐกิจ การจ้างงานในอุตสาหกรรมต่อเรือ มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนการจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ที่เป็นการเอาเงินไปแลกเรือเปล่า ๆ และไร้ซึ่งองค์ความรู้อื่นนอกจากการใช้งาน
ส่วนกระทรวงที่ถูกตัดงบรองลงมาคือกระทรวงมหาดไทย ในการตัดงบฝายซีเมนต์ วงเงิน 1,255 ล้านบาท มี “สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ ชี้ให้เห็นว่า โครงการนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี และส่อแววทุจริตได้ง่ายมาก เนื่องจากมีความเร่งรีบอย่างผิดสังเกต รวมถึงมีการแทรกแซงกระบวนการพิจารณางบฯ อย่างชัดเจน มีการลัดขั้นตอน ไม่ตรวจสอบเอกสาร ไม่มีการขออนุญาตให้ครบถ้วนก่อนอนุมัติ และทำตามคำสั่งของผู้มีอิทธิพล
ที่สำคัญหลายโครงการกำหนดงบฯ ต่ำกว่า 5 แสนบาท เพื่อเลี่ยงการแข่งขัน ซึ่งมีช่องว่างทางกฎหมาย เท่ากับว่าตามวงเงิน 1,255 ล้านบาท จะต้องสร้างฝายราว 3,326 แห่ง แต่ไม่มีการรับประกันว่าฝายดังกล่าวจะอยู่ได้ถึง 2 ปี นอกจากนี้ยังออกมาแฉหลังฉากอีกว่า มี สว. และ สส. พรรคเพื่อไทย กลุ่มหนึ่ง อยู่เบื้องหลังการตั้งงบประมาณเพื่อแจกฝายดินซีเมนต์ในครั้งนี้อีกด้วย
นอกเหนือจากการตัดงบประมาณใน 2 โครงการสำคัญของรัฐแล้ว “ศิริกัญญา” ยังตอบคำถามสื่อถึงการตัดวงเงินงบประมาณเพื่อไปลง “งบกลาง” นั้น ถูกตั้งคำถามว่าเพื่อให้รัฐบาลเตรียมดึงไปจัดทำโครงการ “แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต” หรือไม่ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากงบที่ได้คนละไซส์กับ ดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไม่เกิดขึ้นภายในงบ 2567 แน่นอน เพราะยังไม่มีแหล่งที่มาของเงินที่ชัดเจน และจนถึงวันนี้ครบ 30 วัน หลังจากที่มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ไม่มีการนัดประชุมอีกเลย รวมถึงไม่มีการแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด เท่ากับว่ากระบวนการล่าช้าออกไปอีก
เท่ากับว่า กมธ.ปิดจ็อบงบฯปี 2567 เสร็จเรียบร้อยรอชงเข้าสภาฯ แต่ไม่มีวี่แววของโครงการใหญ่ ที่เป็นม็อตโต้หาเสียงของ “พรรคเพื่อไทย” อย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” แม้แต่น้อย ทำให้ “ก้าวไกล” เชื่อว่าโครงการนี้จะไม่มีทางไปต่อได้อีกแล้ว และกำลังหาทางลงอยู่ตามที่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตไว้ ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนบางส่วนที่เลือก “เพื่อไทย” เพราะนโยบายหาเสียงนี้
หากสุดท้าย “แจกเงินดิจิทัล” ไม่ได้ไปต่อ น่าสนใจการเลือกตั้งครั้งต่อไป จำนวนฐานเสียง “สีแดง” จะลดน้อยถอยลงมากน้อยแค่ไหน หาเทียบกับ “ศัตรูตัวฉกาจ” อย่าง “ก้าวไกล” ที่นับวันมีแต่แข็งแกร่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ