'วิโรจน์' แฉ คนรัฐบาล ต่อสายกองทัพเรือ ขอเงินทอนซื้อ 'เรือฟริเกต'
"วิโรจน์" แฉ "คนในรัฐบาล" ต่อสายกองทัพเรือ ขอเงินทอนเรือฟริเกต แต่ไม่มีใครคุยด้วย จึงถูกหั่นงบ ชี้ปมไม่ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เพราะมีผลประโยชน์ กว่า5,000 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ วันที่สอง ต่อประเด็นการปฏิรูปกองทัพ ว่า ประเด็นที่กองทัพเรือถูกตัดงบประมาณในเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท มีสายข่าวจากกองทัพเรือแจ้งว่ามีใครบางคนของรัฐบาลพยายามต่อสายคุย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของกองทัพไม่คุยด้วย กองทัพไม่ส่งเงินทอนให้จะตัดงงประมาณ ทั้งที่หลายโครงการมีความจำเป็น แม้ว่ากองทัพจะยอมให้ลดงบประมาณเหลือ 850 ล้านบาท แต่สุดท้ายงบประมาณส่วนดังกล่าวถูกตัด ยกเว้นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่คืนงบประมาณให้ อย่างไรก็ดีหากประเด็นดังกล่าวกองทัพไม่โปร่งใสจะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งนำความดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง
“อีก 2 ปี เรือฟริเกตไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเรือฟริเกตไทยเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมยังย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ โดยปี 2568 จะไม่มีงบส่วนดังกล่าวเพราะไม่มีในมติครม. ดังนั้นอาจต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้” นายวิโรจน์ อภิปราย
นายวิโรจน์ อภิปรายด้วยว่าเหตุผลที่รัฐบาลไม่ยอมยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นเพราะเหตุผลเรื่องผลประโยชน์ที่หล่อเลี้ยงนายพลที่หากินจากการบังคับเกณฑ์ทหาร โดยการพิจารณาของกรรมาธิการการทหาร พบว่าผู้ที่ไม่อยากเกณฑ์ทหาร แต่ละปี จะมีสัสดีเร่ขายใบสด.43 เก๊หลอกขายคนไม่อยากเกณฑ์ทหาร โดยมีการลือว่า ขายใบละ 50,000 บาท หากหลอกขายให้ 60,000 คน จะมีผลประโยชน์ขึ้น 3,000 ล้านบาท อีกเรื่องคือการฝึกทหารในค่ายยกเงินเดือนให้นายพล หากได้คนละหมื่นบาท และปล่อยนายพล จำนวน 20,000รายกลับบ้าน รวมผลประโยชน์ที่ได้ คือ 2,000 ล้านบาท รวม 2 กรณีเป็นเงินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
นายวิโรจน์ อภิปรายด้วยว่า กองทัพบกครอบครอง ถึง 4,500,000 ไร่, กองทัพอากาศ-กองทัพเรือ รวมกัน 1,750,000 ไร่ รวมถึงยังมีที่ดินรกร้าง ทั้งที่เกษตรกรยังขาดแคลนที่ดินทำกิน แต่ที่ดินกองทัพบางส่วนถูกนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอาหาศ และสนามมวย โดยขาดความโปร่งใส ไม่ชี้แจงการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ และมีการทำบัญชีถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมา รายงานกำไรเพียงเล็กน้อยทุกเหล่าทัพ เพียง 70 ล้านเท่านั้น พร้อมเห็นว่า รัฐบาล ควรนำที่ดินที่เกินจำเป็นของกองทัพ คืนแก่รัฐบาล เพื่อนำไปแบ่งสรรให้ท้องถิ่น สร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเจริญ และเศรษฐกิจชุมชน
“นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการบริหารกองทัพ ไม่ได้มีนโยบายใดใหม่ แต่เป็นนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอถามนายสุทิน กล้ามองหน้ากองทัพเรือ ที่ยึดหลัก และรายละเอียด เพื่อให้เกิดการอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศไทยหรือไม่ และขอให้นายสุทิน หยุดเล่นละครการพัฒนาร่วมกัน เพราะละครเช่นนี้ จะไม่สามารถหวังได้คะแนนเลือกตั้งได้อีกแล้ว เพราะประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินช็อกมินต์” นายวิโรจน์ อภิปราย.