'เฉลิมชัย' ลั่นเปิดพรรค ปชป.ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ชวนคนรุ่นใหม่ทำงาน
'เฉลิมชัย' ประกาศวันครบรอบ 78 ปี เปิดพรรคประชาธิปัตย์ให้ทุกคนสัมผัสเข้าถึงได้ เชิญชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมกันทำงาน เพื่อให้เป็นพรรคของคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ปชป. ได้แสดงวิสัยทัศน์เนื่องในวันครบรอบ 78 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ว่า วันนี้เป็นปีครบรอบ 78 ปีเต็มของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด 78 ปี ที่สะสมประสบการณ์ 78 ปีที่ผ่านวิกฤตการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวจนมาถึงทุกวันนี้ ขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจได้ว่าหลักการอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเป็นหลักที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดไว้เป็นหนึ่งเดียวตลอดมาตั้งแต่วันก่อตั้งจนถึงวันนี้ และวันต่อไปวันข้างหน้าจะ 50 ปี 100 ปี ประชาธิปัตย์ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ประชาธิปัตย์จะยึดมั่นในหลักการสุจริตเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาทำอย่างไร แต่วันที่ผมมาเป็นหัวหน้าพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2567 ที่ กกต. รับรอง ผมก็ขอยืนยัน กับทุกท่านให้มั่นใจในประชาธิปัตย์ว่าไม่ว่าประชาธิปัตย์จะเป็นอะไรในสังคม ไม่ว่าประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราจะยึดมั่นหลักการสุจริตเป็นที่ตั้งเช่นเดียวกัน
"ผมกล้าพูดเพราะว่าผมผ่านกระบวนการของพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่เป็น สส. ธรรมดา มาเป็นกรรมการบริหาร มาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขาธิการประชาธิปัตย์ 2 ครั้ง และวันนี้ถามว่ามาด้วยอะไร ผมบอกเลยว่า มาด้วยพรหมลิขิต มาด้วยฟ้าลิขิตจริง ๆ เพราะไม่เคยคิดทะเยอทะยาน ไม่เคยคิดมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่มาตามขั้นตอนทุกอย่าง ทั้งหมด ตั้งแต่กระบวนการตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่การเป็น สส. เป็นประธานกรรมาธิการ และกระโดดมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ผมยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการทางการเมืองของพรรค หรือดำเนินการในตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีคำว่าทุจริตเข้ามาให้แปดเปื้อนพรรคประชาธิปัตย์" นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ถึงกล้ายืนยันว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ยึดหลักประชาธิปไตย 2 อย่าง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปไตยสุจริต แต่ 78 ปี ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้หมายถึงว่า 78 ปีที่แล้วประชาธิปัตย์ตั้งขึ้นมาแล้ว วันนี้ประชาธิปัตย์ต้องเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เพราะโลกมันเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนเราก็จะไม่มีปีที่ 79 และเราไม่มีปีที่ร้อย ปีที่ร้อยกว่า นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจจะเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นการเข้ามาเพื่อเปลี่ยนผ่านให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า ซึ่งทุกท่านจะได้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านของเราไม่ใช่พูดแต่ปากประชาธิปัตย์ยุคนี้ไม่ได้เก่งแต่พูด ประชาธิปัตย์ยุคนี้เปิดพื้นที่ให้กับทุกคนทุกกลุ่ม จะเป็นเยาวชน จะเป็นเด็กนักศึกษา จะเป็นวัยรุ่น วัยกลางคน หรือคนที่มีประสบการณ์ เพราะเราต้องการยึดโยงคำว่าประชาธิปไตยอยู่กับทุกๆ คน ทุกๆ กลุ่ม
นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า วันนี้ถ้ามองไปทางขวามือจะเห็นว่านี่คือสิ่งเปลี่ยนแปลงแรก นั่นคือการตั้งศูนย์เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อการสื่อสารพรรคประชาธิปัตย์ คนรุ่นใหม่แค่ได้ยินชื่อตรงนี้ก็รู้แล้วว่า วันนี้ประชาธิปัตย์สู้ สู้จริงๆ และประชาธิปัตย์จะไม่มีวันมาบอกว่า เราสู้ แต่เราไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีหรอก ประชาธิปัตย์วันนี้มี ดร.เอ้ (ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์) มารับผิดชอบ ตนบอก ดร.เอ้ว่า สิ่งที่คุณต้องทำคือ อย่างน้อยที่สุดต้องไม่เลวกว่าเขา แต่ถ้าอยากพิสูจน์ความสามารถคุณต้องทำให้ดีกว่าเขา นี่คือสิ่งที่ ดร.เอ้ ต้องรับผิดชอบ และเราทำทันที ไม่ได้มานั่งคุยนั่งโม้แล้วจะไม่เจอกันอีก แต่เราทำทันที ตั้งขึ้นมาทันที และปรับปรุงการสื่อสารเทคโนโลยี โซเชียลในพรรคทั้งหมด ภายในวันที่ 27 เมษายนที่จะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีทุกอย่างจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด
"แม้ผมจะไม่ใช่คนจบนอก ความเป็นเอกภาพ Unity ทุกอย่างจะอยู่ในประชาธิปัตย์ แต่พวกเราต้องมาช่วยกัน สิ่งที่ 2 ที่อยากให้เห็นการเปลี่ยนแปลงการทำงาน แรงขับเคลื่อนทุกอย่าง ถ้าพลังภายในไม่เป็นหนึ่งเดียวก็ไม่มีพลัง และประชาธิปัตย์เป็นองค์กร ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะ เป็นองค์กรทางการเมือง ผมกราบฝากไปถึงทุกกลุ่ม ถึงคุณจะไม่เลือกประชาธิปัตย์ แต่ประชาธิปัตย์ไม่เคยทำผิด ถ้าคุณบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ดี ก็ไปดูว่า ยุคไหนใครบริหาร คุณก็ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไป แต่คุณต้องให้เกียรติความเป็นพรรคการเมือง ผมขอเลยครับ ถ้าวันนี้ผมบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่ดี ก็ด่าเลยครับนายเฉลิมชัย อย่าไปด่าพรรค เหมือนคุณมีบริษัทหนึ่ง บริหารไม่ดี อย่าไปด่าบริษัท แต่ให้ด่าผู้บริหารบริษัทนั้น" นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ถึงบอกว่าพรรคการเมือง ต้องตั้งให้ง่ายต้องยุบให้ยาก ไม่ใช่ตั้งยากยุบง่าย เพราะจะทำให้ไม่มีทางที่จะพัฒนาการเมืองไปได้อย่างเด็ดขาด นี่คือหนึ่งในนโยบายของเราว่า เรื่องพรรคการเมืองเราต้องให้โอกาสตั้ง แต่อย่าไปยุบเขาเลย ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่มีการประชุมใหญ่ 27 เมษายน สิ่งที่หลายคนเรียกร้องว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคปิด ประชาธิปัตย์เป็นพรรคมีแต่คนในกลุ่ม เป็นพรรคพวกเท่านั้น ตนจะเปิดพรรคประชาธิปัตย์ 27 เมษายน ให้ทุกคนมีส่วนร่วม หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จะเข้ามาสู่พรรค ที่จะเป็นสมาชิกพรรค ที่จะเป็นกรรมการบริหารพรรค ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค จะถูกลดลงมาให้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ ถ้าคุณมีความสามารถและมีจิตใจที่ยึดโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ เราแก้ไขเรียบร้อยแล้วพร้อมเปิดพื้นที่ให้เยาวชน เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถ และทำให้คนรุ่นเก่าของพรรคที่วันนี้อาจเข้าใจผิด หรืออาจจะเหนื่อยกับช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วหยุดพักไป จะเปิดให้พวกเขาดูว่าประชาธิปัตย์พร้อมจะเดินหน้า แล้วจะเชิญท่านเหล่านั้นกลับมาช่วยกันเติมพลังให้กับประชาธิปัตย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดกับประชาธิปัตย์
"ประชาธิปัตย์ถึงจะ 78 ปี แต่ไม่ใช่คนแก่ ประเภทไม่รู้เรื่องไม่รู้ภาษา แต่เป็น 78 ปี ที่มีประสบการณ์พร้อมผ่านวิกฤตเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมที่จะรับกับสิ่งต่างๆ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างประเทศไทยในยามที่ประเทศไทยมีวิกฤตทุกครั้ง ประชาธิปัตย์ จะไม่เป็นพรรคของคนในครอบครัว แต่ประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคของคนไทยทุกคน ผมนักเลงพอที่จะรับผิดชอบ ไม่ต้องห่วง ผมจบด็อกเตอร์เรียนมา ไม่ได้ซื้อ ไม่ใช่กิติมศักดิ์ด้วย ผมเป็นได้ทุกอย่างที่สมาชิกพรรคอยากให้เป็น" นายเฉลิมชัย กล่าว