'กมธ.นิรโทษกรรม' ปรับนิยามแรงจูงใจการเมือง-ยังไม่เคาะรวมคดีม.112
"นิกร" เผย กมธ.นิรโทษกรรม เคาะปรับนิยามแรงจูงใจทางการเมือง ให้คลุมเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง ยังไม่เคาะรวม ม.110-ม.112 หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการประชุม
โดยมีวาระพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธานอนุกมธ. ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง เสร็จสิ้นแล้ว ส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณา
ภายหลังการประชุม นายนิกร ฐานะเลขานุการกมธ.กล่าวว่า ที่ประชุมกมธ.ชุดใหญ่ได้ปรับปรุงนิยามแรงจูงใจทางการเมืองให้หมายถึง การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จากเดิมที่คณะอนุกมธ.ที่สรุปคำนิยามให้หมายถึงการกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ตลอดจนให้เพิ่มเติมเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2557 ภายหลังการรัฐประหาร ให้อยู่ในการชุมนุมที่มีเหตุมาจากแรงจูงใจทางการเมืองด้วย
นายนิกร กล่าวด้วยว่าส่วนความผิดเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา110 และมาตรา112 จะอยู่ในฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหว จะต้องรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อนำไปตัดสินใจในการประชุมนัดสุดท้ายของกมธ.วิสามัญฯ เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก
"การประชุมกมธ.วิสามัญฯครั้งต่อไปในวันที่ 2พ.ค.จะได้ข้อสรุปชัดเจนเรื่องคำนิยามแรงจูงใจทางการเมือง และความผิด 25ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจ จะมีเรื่องใดบ้างที่อยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม ยกเว้นความผิดตามมาตรา110และ112 ที่จะต้องรอรวบรวมข้อมูลให้เกิดความชัดเจนก่อน" นายนิกร กล่าว