ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

2ทางไปของการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ทำประชามติ หรือ ดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่รัฐสภาให้พิจารณา ทว่าทั้ง2ทางนี้ ล้วนมีช่องให้ "รัฐบาลเพื่อไทย" ยื้อแก้รธน. เพื่ออยู่ครบวาระได้

Key Point :

  • เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องของรัฐสภา นัยยที่สะท้อนคือ การแก้รัฐธรรมนูญต้องเดินตามครรลอง
  • ทางไปตอนนี้ มี 2 ตัวเลือก คือ รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข หรือ ทำประชามติขอไฟเขียวจากประชาชน
  • กรณียื้อแก้รัฐธรรมนูญของ "รัฐบาลเพื่อไทย" เพื่ออยู่ยาว ยังคงมีทางไปเช่นกัน
  • ทั้งกระบวนการ ล่มประชามติ หรือ คว่ำร่างแก้ไขในวาระแรก

เมื่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ" เสียงเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องที่ “รัฐสภา” เสียงข้างมาก ส่งเรื่องให้วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับขั้นตอน ของการ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เท่ากับว่า ได้ “รีเซต” เกมยื้อ รื้อใหญ่รัฐธรรมนูญ หลังจากที่รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” หาช่องทางประวิงเวลามากว่า 7 เดือน

ให้กลับไปสู่จุดที่ต้อง “ปฏิบัติ” เสียที ในแง่ของขั้นตอนปฏิบัติ หากถอดความตามประเด็นที่ส่งคำร้อง คือ

1.รัฐสภาจะบรรจุวาระ และพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่บทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติถามประชาชนต่อความต้องการทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้หรือไม่

2.ในกรณีที่รัฐสภาสามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ในกระบวนการทำประชามติต้องทำในขั้นตอนใด

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ใน 2 ประเด็นนั้นว่า การบรรจุวาระหรือไม่ เป็นอำนาจของประธานรัฐสภา ส่วนประเด็นทำประชามติขั้นตอนใดนั้น “เป็นเพียงข้อสงสัย” ไม่เข้าเงื่อนไขในหน้าที่และอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบกำหนดไว้

ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

ดังนั้นเท่ากับว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้มีข้อสรุปเดียวคือ “ต้องเดินหน้า” ตามสัญญาที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียง และเป็นคำมั่นที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา

การเดินหน้าจึงมี 2 ทางออก คือ

1.รัฐบาล ยืนยันในกระบวนการออกเสียงประชามติตามที่มอบหมายให้ “คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” ศึกษา และขณะนี้มีข้อเสนอเตรียมให้ “ครม.” พิจารณาคำถามแล้ว

คือ “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์” และมีจำนวนครั้งทำประชามติ 3 ครั้ง

ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

2.เป็นบทบาทของ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กำหนด

โดยขณะนี้มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ จากพรรคเพื่อไทย 1 ฉบับ และพรรคก้าวไกล 1 ฉบับ ยื่นรอให้รัฐสภาพิจารณาแล้ว

ต่อเรื่องนี้ “ก้าวไกล” โดย “สส.พริษฐ์ วัชรสินธุ” ขอให้เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ บนทางเลือกที่ 2 โดยจุดเริ่มคือ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ต้องทบทวนการตัดสินใจจากที่ไม่บรรจุวาระแก้รัฐธรรมนูญ ไปเป็น “บรรจุ” เพื่อให้รัฐสภาได้ทำหน้าที่ของตนเอง และเดินหน้าสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง

ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

“สส.พริษฐ์” ผู้ขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ก่อนเข้าสภาฯ มองว่า อุปสรรคที่หลายฝ่ายกังวลคือด่านของ “สว.” ที่ต้องเห็นชอบในวาระรับหลักการ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ไม่มีอะไรเป็นปัญหาอีก เพราะความชัดเจนของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่ออกมาเมื่อ 17 เม.ย. และอ้างถึงคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะยกเป็นข้ออ้างทางกฎหมายเพื่อลงมติไม่รับหลักการอีก

ส่วนกรอบเวลาเริ่มนับหนึ่งของปฏิบัติการแก้รัฐธรรมนูญนั้น “พริษฐ์” มองว่าอยู่ที่การตัดสินใจของ “ประธานรัฐสภา” ว่าจะบรรจุวาระเมื่อใด

ขณะที่ฝ่ายวิชาการ นักกฎหมาย “ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก” ในฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญเห็นด้วยเช่นกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอำนาจของ “รัฐสภา” ตามมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญกำหนด ที่สามารถออกแบบบทบัญญัติได้ แต่หากบทบัญญัติใดเข้าเงื่อนไขที่ต้องนำไปออกเสียงประชามติ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน

“ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยและ พรรคก้าวไกล ทู่ซี้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งหมด ทั้งที่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ เหมือนที่เคยแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้ง ดังนั้นหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาเรื่องใด ให้แก้ไขส่วนนั้น และหากเข้าเงื่อนไขที่ต้องไปทำประชามติ ตามมาตรา 256 ต้องนำไปทำประชามติ ดังนั้นเรื่องใดที่มีปัญหา ควรแก้ไขเพื่อทำประชามติครั้งเดียว แต่ตอนนี้ 2 พรรคไม่ชัดเจนว่าจะแก้ไขในบทบัญญัติใดบ้าง เพียงแค่ไม่ต้องการรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากการรัฐประหาร แต่วิธีการของพวกเขาเท่ากับการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง” ดร.เจษฎ์ ระบุ

 ทว่า ในประเด็นที่เป็นความต้องการของรัฐบาล ในการหาช่อง “ยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ยังมีช่อง โดย “ดร.เจษฎ์” มองว่า “หากเพื่อไทยไม่อยากแก้ไข ควรคว่ำในวาระแรก โดยไม่ต้องยืมมือสว. แต่ใช้เสียงของพรรคตัวเองดำเนินการ”

ผ่าทางตัน ‘เพื่อไทย’ยื้อแก้รธน. จับตา 2 สูตร ‘คว่ำ’เพื่ออยู่ยาว

หรืออีกทางที่ “ก้าวไกล” หวั่นเกรง คือในขั้นตอนถาม คำถามประชามติ ที่ตั้งคำถามแบบยัดไส้ สร้างเงื่อนไขให้ “ประชามติไม่ผ่าน”

ดังนั้นต้องจับตาให้ดีว่า ต่อจากนี้ “รัฐบาลเพื่อไทย” จะใช้วิธีใดเพื่อ “ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ" ออกไปได้อีก.