จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

ว่าจะจบจดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊งตั้งแต่ฉบับที่ 2 ที่ได้ให้ความสว่างกับคุณอุ๊งอิ๊งในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไปแล้ว แต่ก็มีเหตุที่จะต้องเขียนถึงคุณอีกครั้งหลังจากได้ฟังคุณพูดในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยบนเวทีชื่อยาวว่า “สิบเดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็มสิบ”

เพราะฟังเท่าไร ก็มองไม่เห็นความเหมาะควรกับการปล่อยคำกล่าวหาธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาอย่างชัดเจนและโจ่งแจ้ง ราวจะประกาศตัวเป็นศัตรู

ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดออกมาคำต่อคำว่า “กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆ ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ

เพราะว่านโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวตลอด และทำให้ประเทศมีหนี้ที่สูงมากและสูงมากขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมที่จะเข้าใจ และไม่ยอมที่จะให้ความร่วมมือ ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย”

จึงเกิดคำถามที่จะต้องถามคุณอุ๊งอิ๊งตามมาหลายข้อจากถ้อยแถลงของคุณดังนี้

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

ข้อที่ 1 คุณพูดโดยเข้าใจสิ่งที่พูดไหม? 

เป็นเรื่องถูกต้องอย่างยิ่งแล้วที่ธนาคารกลางต้องเป็นอิสระจากรัฐบาล ซึ่งเป็นการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากลและยึดถือปฏิบัติในทุกประเทศ เพื่อไม่ให้ถูกควบคุมจากนักเลือกตั้งที่มุ่งแต่นโยบายแสวงหาคะแนนนิยม

 

หากธนาคารกลางถูกแทรกแซงจากนักการเมือง ผ่านนโยบายการเงินทั้งเรื่องดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ปริมาณเงิน หรือการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ประเทศจะไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจจนเกิดความเสียหาย 

การออกแบบที่ให้อิสระกับธนาคารกลางก็เพื่อจะแบ่งบทบาทกับรัฐบาล ขณะเดียวกัน ก็สร้าง “checks and balances” ระหว่างกันในระบบเศรษฐกิจ 

ธนาคารกลางที่ดีย่อมไม่อยู่ในอาณัติของนักการเมือง ที่สำคัญต้องมองระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้นแบบนักการเมือง อย่างที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตักเตือนด้วยเหตุผลและข้อมูล 

ทั้งเรื่องการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการอธิบายตามข้อเท็จจริงและตามหน้าที่ที่ต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ธนาคารกลางจำเป็นต้องอิสระและเป็นหลักของบ้านเมืองแม้รัฐบาลจะเปลี่ยนไปมา ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็ย่อยยับ

การที่ประเทศทำงบประมาณขาดดุลและก่อหนี้ซึ่งทำต่อเนื่องมายาวนานนั้น ก็เป็นมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อและคุณอาของคุณตามนโยบายประชานิยมที่ทำบ้านเมืองเสียหายมาแล้วมากมาย บางรัฐบาลก็มีเหตุจำเป็นต้องทำ 

เช่น เมื่อเกิดโควิด-19 เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงไปมากนัก หรือหากเห็นว่ารัฐบาลก่อหนี้มากเกินไป คุณก็ควรจะหยุดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเข้าข่ายก่อหนี้ชัดเจน ไม่ว่าจะหนี้ ธ.ก.ส. หรือหนี้ที่เกลี่ยมาจากงบประมาณประจำปี

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

คุณกล่าวหาว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เข้าใจและไม่ร่วมมือ ที่จริงเขาเข้าใจแต่จะร่วมมืออย่างไรได้ เมื่อเห็นแล้วว่าหายนะรออยู่ข้างหน้า

ข้อ 2 คุณพูดในฐานะอะไร? 

เมื่อเป็นงานแถลงผลงานของพรรค คุณย่อมมีความชอบธรรมที่จะพูดถึงนโยบายพรรค แต่คุณคงลืมไปว่าคุณไม่ได้อยู่ในฐานะตำแหน่งใดที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ หรือที่จะต้องทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย

งานนี้หากอยากจะพูดโดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิด คนที่ควรพูดคือนายกฯ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เขาประชุม ติดตาม และประสานงานกันอยู่บ่อยๆ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ

 การเล่นผิดบทบาทของคุณไม่เพียงลิดรอนความน่าเชื่อถือของนายกฯ ยังทำให้เกิดความคลางแคลงว่าเหนือนายกฯ ไม่เพียงมีอดีตนายกฯ ยังมีลูกสาวอดีตนายกฯ ด้วย การบริหารประเทศนี้จึงดูสับสนอลเวง

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

ข้อ 3 คุณรู้ไหมว่าคำพูดของคุณกำลังสร้างความเสี่ยงให้ประเทศ? 

เพราะทันทีที่คุณเล่นงานทางวาจาต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ย่อมเป็นข่าวในเชิงลบออกไปนอกประเทศว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจกดดันแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย

ทำให้ความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นต่อเครดิตของประเทศเสียหาย ส่งผลถึงการคาดคะเนในเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ และสั่นคลอนสถานะของธนาคารกลางในสายตาตลาดการเงินและสาธารณชน สิ่งที่คุณพูดนั้นได้เพิ่มความเสี่ยงให้เครดิตประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุ๊งอิ๊ง # 3 กรณีแบงก์ชาติ

ข้อ 4 คุณพูดเองหรือใครเขียนมาให้พูด?

ท่าทางคุณเมื่ออยู่บนเวทีและพูดเรื่องนี้เห็นชัดว่าก้มหน้าก้มตาอ่าน ไม่มั่นใจเหมือนเวลาพูดเรื่องอื่น เชื่อว่าคงมีใครเขียนโพยมาให้คุณ ก็ไหนคุณบอกว่าพรรคตั้ง PTP Academy เป็นสถาบันที่ให้ความรู้ ติดตาม ศึกษาเรื่องราวทางวิชาการเพื่อให้คนในพรรคมีความรู้

เหตุไฉนเขาจึงไม่ทำให้คุณมีความรู้แจ่มแจ้งในเรื่องนี้ หรือเขียนโพยให้ถูกต้อง จนทำให้คุณออกมาขายหน้าบนเวทีได้ขนาดนี้ และกระทบกระเทือนต่อภาวะผู้นำของคุณเป็นอย่างยิ่ง

จดหมายเปิดผนึกทุกฉบับได้แสดงความห่วงใยมาถึงคุณเสมอ และฉบับนี้ก็เช่นเดียวกัน ในฐานะหัวหน้าพรรคที่บิดามารดาของคุณฝากความหวังไว้มาก ถึงขนาดการันตีว่าคุณได้ดีเอ็นเอความเป็นนักสู้มาจากทั้งบิดามารดาของคุณ ซึ่งไม่มีข้อสงสัย

แต่ดีเอ็นเอในเรื่องสติปัญญาก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ไม่อยากเห็นคุณเข้ารกเข้าพงแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ด้วยความห่วงใยคุณและบ้านเมืองจริงๆ.