'กมธ.มั่นคง' จ่อเรียกหน่วยงาน แจงปม “ทักษิณ” เจรจากลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา
"ปธ.กมธ.มั่นคง" จ่อเรียกหน่วยงาน แจงปม “ทักษิณ” เจรจากลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา ชี้ "ทักษิณ" ไร้สถานะ ห่วงผลเจรจาผูกมัดรัฐบาล ไม่ถูกตรวจสอบ
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พบปะกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา เพื่อขอเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพในเมียนมา ว่า ตนกังวลว่าสิ่งที่นายทักษิณดำเนินการนั้นจะสร้างความสับสน ต่อบทบาทประเทศไทยในการสร้างสันติภาพในเมียนมา เพราะนายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล และรัฐบาลไม่ได้มอบหมายให้ในฐานะตัวแทนรัฐไทยไปดำเนินการ ทั้งนี้ตนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นคนกลางเพื่อสร้างสันติภาพในเมียนมา แต่ควรเป็นไปในกลไกที่ถูกต้อง ชอบธรรม แต่กรณีของนายทักษิณนั้นไม่รู้เป็นมาอย่างไร ไปเจรจาต่างๆ ได้อย่างไร
เมื่อถามว่ากังวลว่าการเจรจาของนายทักษิณจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลในการดำเนินการเกี่ยวกับสันติภาพเมียนมาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เป็นประเด็นที่กังวล เพราะหน้าที่พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นตัวแทนประเทศไทย คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กรณีดังกล่าวมีรัฐสภากำกับ แต่นายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่มีกลไกกำกับความสัมพันธ์ หากนายทักษิณเจรจารับคำ เหมือนกับผูกพันรัฐบาลด้วย จะทำให้เป็นปัญหาในเชิงการทำงานและการตรวจสอบ
“เรื่องนี้กมธ.ต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน เบื้องต้นในวันที่กมธ.ลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 12 พ.ค. จะมีกรณีของนายทักษิณแทรกมา จากเดิมที่จะไปดูเรื่องการสนับสนุนด้านมนุษยธรรม และเก็บข้อมูลเรื่องนโยบายความมั่นคง นอกจากนั้นแล้วจะเรียกหน่วยงานอื่นๆ คุยเพราะมีนัยสำคัญกับประเทศ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ประธานกมธ.มั่นคง กล่าวด้วยว่า บทบาทการเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพเมียนมา ควรเป็นบทบาทและใช้กลไกของหน่วยงานรัฐบาล ทั้งฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ในฐานะบุคคล ขณะเดียวกันท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีของนายกทักษิณ ที่นายเศรษฐา และ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่ระบุว่าไม่รับรู้ อาจเป็นปัญหาได้ทั้งในภาวะผู้นำตัวจริงของรัฐบาล อย่างไรก็ดีในบทบาทอาเซียน และยูเอ็นได้วางบทบาทในการสร้างสันติภาพเมียนมาตามกลไกและกำหนดตัวบุคคลที่ต้องดำเนินการ
“เมื่อรัฐบาลไม่ปฏิเสธสิ่งที่นายทักษิณทำ เท่ากับเพิ่มพลังของนายทักษิณทำให้การเจรจาที่ทำนั้น ไม่แตกต่างอะไรจากการเจรจาของรัฐบาล ซึ่งส่งผลลดภาวะผู้นำของนายกฯ ลงไป อีกทั้งเมื่อไม่ปฏิเสธชัดเจน ถือเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว ว่าใครคือ นายกฯตัวจริง ใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจ” ประธานกมธ.มั่นคง กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายทักษิณคุยกับกลุ่มชาติพันธุ์แม้จะเป็นฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา แต่ภาพของนายทักษิณต่อสันติภาพเมียนมาไม่ชัดเจนว่าต้องการประชาธิปไตยแบบไหน และที่ผ่านมาในการตรวจสอบกมธ.มั่นคง ไม่เคยได้รับรายงานว่ากระทรวงต่างประเทศว่ามองภาพสันติภาพเมียนมาแบบใด ดังนั้นหากเจรจาเพื่อสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาหรือ เอสเอซี อย่างเดียว จะทำให้สันติภาพไม่ยั่งยืน.