‘พิชิต’ สายตรง ล่อฟ้า ยาสามัญประจำบ้าน ‘ชินวัตร’
“พิชิต” ที่นอกจากเป็นลมใต้ปีก “เศรษฐา” แล้ว ยังเป็นยาสามัญประจำบ้านให้คนใน “ตระกูลชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” อยู่วันยังค่ำ
Key Points
- ทนายพิชิต ที่ขึ้นสู่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นคนที่ดูแลเรื่องคดีให้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” มาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
- นับเป็นสายตรง ตระกูลชินวัตร ตัวจริง ถึงแม้จะเจอแรงกดดันเรื่องถุงขนม ถูกร้องสอบจริยธรรมและคุณสมบัติ
- ความไว้วางใจจากบิ๊กรัฐบาลคนสำคัญ ที่มีต่อพิชิต ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
- ได้รับมอบหมายงาน คอยกลั่นกรองเรื่องก่อนถึง นายกฯ เศรษฐา เป็นผู้รับผิดชอบคดีปกครอง และคดีในศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ครม. ตกเป็นคู่กรณี
- พิชิต เป็นหนึ่งในขุนพลรัฐบาล ที่ถูกจับตาจะมีส่วนช่วยพา ยิ่งลักษณ์ กลับไทย
ชื่อของ “พิชิต ชื่นบาน” สายตรงตระกูลชินวัตร กำลังขึ้นหม้อสุดๆ จากที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน สู่ตำแหน่งเสนาบดีป้ายแดง ในเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใน“ครม.เศรษฐา 2” ที่เริ่มนับหนึ่งทำงาน นั่งประชุม ครม. ครั้งแรกไปหมาดๆ เมื่อ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนักงานราชบัณฑิตยสภา และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
ขณะเดียวกันยังเป็นประธานในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เป็นกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เป็นต้น
ภารกิจแรกของ “พิชิต” จึงโฟกัสไปที่การเร่งฟื้นฟูการขับเคลื่อนงานในศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล หรือสายด่วน 1111 เพื่อเป็นแม่งานหลักในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ภายใต้“โครงการทำเนียบฯช่วยได้” ที่ขีดเส้นต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 30 วัน
นอกจากนั้น ครม. ยังมอบหมายภารกิจเฉพาะให้กับ“พิชิต”อีกด้วย ได้แก่ 1.เป็นผู้พิจารณาตรวจร่างมติ ครม.ว่าถูกต้องตามที่มีการพิจารณาหรือไม่
2.พิจารณากลั่นกรองงานก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี ได้แก่ เรื่องเกี่ยวกับการดำเนินคดีในศาลปกครอง ในกรณีที่ครม. นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องในคดีปกครอง เรื่องเกี่ยวกับการดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญ กรณีครม. เป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
และ 3.เรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติทั้งหลาย ถ้าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเสนอผ่านพิชิต
จะเห็นได้ว่า พิชิต มีบทบาทค่อนมากในขณะนี้ กลายเป็นคนกลั่นกรองงานคนสำคัญ โดยเฉพาะด้านกฎหมายให้กับนายกฯ เศรษฐา และอาจกลายเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับนายกฯ และบรรดา ครม.ไปโดยปริยาย ในกรณีที่เกิดข้อต่อสู้ในเรื่องคดีความ ข้อพิพาทที่มีบุคคลในรัฐบาลตกเป็นคู่กรณี
ถึงแม้พิชิต จะไม่ได้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะหน่วยงานที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล เนื่องจากมีการมอบหมายให้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้กำกับดูแล
ทว่า งานในมือพิชิตวันนี้ ก็พอจะสะท้อนความไว้วางใจจากบิ๊กรัฐบาล และบุคคลที่มีบทบาทสำคัญตัวจริง ที่มีต่อทนายความคนนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ให้มาช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ปล่อยให้งานสำคัญตรงนี้ ที่มีผลต่อการอยู่หรือไปของรัฐบาล อยู่ในมือคนอื่น
ทั้งที่ปกติการดูรายละเอียดคดี ที่คนใน ครม.ถูกร้องในคดีปกครอง หรือในศาลรัฐธรรมนูญ เป็นงานรูทีน ที่มักมอบหมายรองนายกฯ ด้านกฎหมาย ก่อนส่งเรื่องให้อัยการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับไม้ สู้คดีต่อ แต่ยุคนี้งานนี้อยู่ในมือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
หลายคดีในอดีตที่เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร” และ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีชื่อพิชิต คอยเป็นทนายต่อสู้คดีให้ และเพิ่งเปิดซิงชนะคดีกรณียิ่งลักษณ์ โยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเพิกถอนหมายจับ
ท่ามกลางแรงกดดันรอบทิศที่ถาโถมเข้าใส่ พิชิต จากกรณีถุงขนม จนตกเป็นเป้าถูกยื่นร้องต่อหน่วยงานตรวจสอบว่าพฤติกรรมหนหลังขัดคุณสมบัติหรือจริยธรรมร้ายแรงในการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่
“เศรษฐา” เองก็เจอแรงเสียดทานในฐานะเป็นผู้พิจารณาให้มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่กังวล เพราะได้ตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีทุกคน และผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว มั่นใจในคุณสมบัติของพิชิต
แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ที่ตัวของพิชิต ก็รับรู้ดี การแถลงเปิดใจครั้งแรกหลังประชุม ครม. ถึงกับต้องยกมือไหว้ขอโอกาสทำงานกับสังคม ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย พร้อมพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน พร้อมกับเน้นย้ำว่า เป็นคนรักประเทศชาติและประชาชน ไม่น้อยกว่าคนอื่น
การวางตัวพิชิตจึงตอบโจทย์การทำงานของเศรษฐาไม่น้อย ที่อาจไม่มีเวลามาโฟกัสรายละเอียดและข้อกฎหมายต่างๆ และที่ผ่านมา งานสำคัญหลายเรื่องของรัฐบาล ก็มีพิชิต มีส่วนขับเคลื่อนเสมอ รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก็มีส่วนช่วยพิจารณา และคลี่คลายเรื่องร้อนที่สังคมให้ความสนใจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อีกภารกิจสำคัญ ที่ไม่อยู่ในจ็อบเดสคริปชั่นอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติหลายฝ่ายต่างจับตาไปที่พิชิต ควบคู่ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ปัดฝุ่นข้าว 10 ปีในโกดังรับจำนำข้าว สมัยยิ่งลักษณ์ จับกรอกหม้อหุงโชว์สื่อว่า ยังรับประทานได้ และเตรียมเอาออกมาประมูล
ตรงนี้ก็ถูกมองว่า กำลังสร้างความชอบธรรมให้โครงการรับจำนำข้าว และ“ยิ่งลักษณ์” ท่ามกลางการจับตาว่า คนในรัฐบาลกำลังพยายามหาหลักฐานใหม่ หรือหาช่อง ขอรื้อฟื้นคดีให้“นายหญิง”หรือไม่
หรือมีความพยายามหาช่องให้ยิ่งลักษณ์ เข้าเงื่อนไขนิรโทษกรรม โดยเอาข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวในส่วนนี้ ขึ้นมาหักล้างว่า ไม่ได้เจตนาทำผิด แต่การที่ถูกดำเนินคดี มีเหตุจูงใจทางการเมือง ตกเป็นเหยื่อจากการรัฐประหารมากกว่า
เรื่องนี้คนในเพื่อไทยต่างรู้กันดี ถ้า“ยิ่งลักษณ์”จะกลับไทย ไม่เอาโมเดลแบบ“ทักษิณ”เด็ดขาด
ดังนั้น “พิชิต”ที่นอกจากเป็นลมใต้ปีก“เศรษฐา” ยังเป็นยาสามัญประจำบ้านให้คนใน“ตระกูลชินวัตร” และพรรคเพื่อไทย อยู่วันยังค่ำ