‘พปชร.’ ประชุมสาขาพรรค สส.นราธิวาส ฝาก 2รมต. ปั้นแหล่งท่องเที่ยว แก้ปมที่ดิน
“พปชร.” ล่องใต้ ประชุมสาขาพรรค ที่นราธิวาส ประกาศ ปกป้อง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ชี้ พันธกิจ 5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ทำนโยบายยึดโยง ปชช. สส.พื้นที่ ฝาก “พัชรวาท-ธรรมนัส” ปั้นแหล่งท่องเที่ยว แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนให้ ปชช.
ที่ห้องประชุมโรงแรมมารีน่า อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประชุมใหญ่ สาขาพรรค จ.นราธิวาส เวทีประชารัฐร่วมใจ เพื่อสร้างชีวิตที่สดใส ให้คนไทยทั้งประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน โดยมีกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเข้าร่วม อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ และ 2 สส.นราธิวาสของพรรค นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3 เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวกับสมาชิกที่มาร่วมประชุมว่า ช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ได้ขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์และของพรรคฯ ทุกประการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้นพรรคฯ จึงได้เตรียมปรับตัวเองให้สอดรับกับสถานการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ให้มากยิ่งขึ้น
“พรรคพลังประชารัฐขอประกาศเป็นพรรคที่จะดำเนินการยึดมั่นและปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสร้างเสริมวัฒนธรรม จารีตประเพณี และค่านิยมของไทย พร้อมเปลี่ยนแปลงการดำเนินแนวทางตามเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการบริหารภาครัฐที่หันสมัย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่ดีขึ้น"พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าว
พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า พันธกิจพรรคพลังประชารัฐเป็นศูนย์รวมผู้ที่มีความคิดสร้างและทันสมัย ทุกรุ่นทุกวัยด้วย "5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ได้แก่ อนุรักษ์สถาบัน,อนุรักษ์ผลประโยชน์ของชาติ,อนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ,อนุรักษ์วัฒนธรรม และอนุรักษ์ระเบียบทางสังคม ในส่วนของ 5 ทันสมัย ได้แก่ เศรษฐกิจทันสมัย,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย,สิ่งแวดล้อมทันสมัย,สังคมทันสมัย และภาครัฐทันสมัย
ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้คิดร่วมกับทีมเศรษฐกิจและวิชาการ เพื่อจัดทำนโยบายของพรรค แต่ท่านกำชับให้จัดทำนโยบายที่ยึดโยงกับประชาชน การได้เราจะทำได้คือ เราต้องเดินทางมารับฟังปัญหา ความเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆให้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ แล้วในวันนี้ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาที่จังหวัดนราธิวาส อำเภอสุไหงโกลก เป็นครั้งแรก ได้เห็นสภาพของเศรษฐกิจการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเห็นได้ชัดเจนว่าอำเภอนี้เป็นอำเภอที่มีศักยภาพสูง ซึ่งในวันนี้มีหลานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาร่วมรับฟังและร่วมแก้ไขปัญหา ตนมั่นใจว่าเราจะได้ข้อมูลความเห็นที่หลากหลาย และก็จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
โดยช่วงหนึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือถึงปัญหาด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายสัมพันธ์ กล่าวถึงปัญหานี้ว่า ตั้งแต่สังคมมีการพัฒนาด้านโซเชียลมากขึ้นทำให้ อ.สุไหงโก-ลก เป็นแค่ทางผ่านระหว่างการซื้อขายของประเทศมาเลเซียกับหาดใหญ่ รวมถึงการสื่อสารที่สะดวกทำให้เมื่อต้องการสินค้าเขาก็ไปหาที่กรุงเทพฯ เอง นราธิวาสจึงเป็นแค่ทางผ่านให้กับผู้ประกอบการชาวมาเลเซีย อีกทั้งนราธิวาสยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่จะรองรับเลย ตนจึงขอฝากให้ทางผู้ประสานงานของพรรคนำปัญหานี้มาเป็นนโยบายของพรรคด้วย
ด้านนายอามินทร์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าออกที่มีหลายขั้นตอนของด่านตรวจ ทำให้เกิดความยุ่งยาก แต่ปัจจุบันก็เริ่มได้รับการแก้ไขแล้ว สำหรับมิติการท่องเที่ยว ตนมองว่า เราต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เมื่อก่อนสุไหงโกลกเป็นที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวยามราตรีแต่ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวมาเลเซีย มาในลักษณะของครอบครัวมากขึ้นสุไหงโกลกเองก็ไม่มีอะไรรองรับบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือสวนน้ำที่เป็นการท่องเที่ยวในลักษณะเชิงครอบครัว ซึ่งตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีเนื่องจากรัฐมนตรีของเราก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และรับปากกับตนว่า จะมีการพัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่
นอกจากนี้อีกปัญหาสำคัญที่ถูกนำมาพูดคุยก็คือ ปัญหาที่ดินทำกินใน พื้นที่ทับซ้อน ซึ่งนายอามินทร์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อน เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงพื้นที่การเกษตรของพี่น้องเกษตรกรมีการเช่าเพื่อทำการเกษตร และบางส่วนก็ทำการเพาะปลูกในพื้นที่ประกาศเขตอุทยานหรือเขตอนุรักษ์ ส่งผลให้เวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติส่งผลจึงไม่สามารถรับเงินเยี่ยวยาจากทางรัฐได้ เนื่องจากติดกฎระเบียบทางราชการ จึงขอเสนอพรรคนำปัญหาดังกล่าวต่อรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวงที่พปชร.กำกับดูแล เพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม