ยกระดับสู้รบ 'นิติสงคราม' - 'รับ-ไม่รับ' คดี 'ทักษิณ' ครอบงำ

ยกระดับสู้รบ 'นิติสงคราม' - 'รับ-ไม่รับ' คดี 'ทักษิณ' ครอบงำ

จับตาการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะรับหรือไม่รับคำร้องคดี “ทักษิณ” ครอบงำ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งร้องตรงของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” หรือไม่ โดยฝั่ง “พรรคเพื่อไทย” ประเมินโอกาสรับคำร้องมีสูง เพราะเป็นการยกระดับกลเกมนิติสงคราม

KEY

POINTS

  • จับตาการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ นัด 22 พ.ย.67 รับ-ไม่รับ คดี "ทักษิณ ชินวัตร" ครอบงำ "พรรคเพื่อไทย" 6 ประเด็น จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่
  • ยกระดับรูปแบบการสู้รบด้วย "นิติสงคราม" ของกลุ่มอำนาจเก่าผ่านการร้องของ "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ผู้เคยทิ้งผลงานยุบพรรคก้าวไกล
  • แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย ประเมินแนวโน้มศาลรัฐธรรมนูญมีโอกาสรับคำร้องสูง โดยอาจใช้เวลาไต่สวนราว 6 เดือน
  • ปมอ่อนไหวหนีไม่พ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย คือ ข้อกล่าวหา "ทักษิณ" สั่งการรัฐบาลเอื้อประโยชน์ระหว่างต้องโทษจำคุก พักรักษาตัวที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
  • ประเด็นอ่อนไหวอีกปม คือ "ทักษิณ" สั่งการให้ "พรรคเพื่อไทย" มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

"ตุลาอาถรรพ์" ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่า "รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร" จะล่มสลายตามคำประกาศของ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยดีเดีย์วันที่ 10 เดือน 10 จุดพลุผ่านการเดินเกมของ "ทนายความอิสระ"ที่เคยฝากผลงานยุบพรรคก้าวไกล

โดย "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ในฐานะผู้ร้อง ยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยกล่าวหา “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ถูกร้องที่ 1 และ "พรรคเพื่อไทย" ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ครบกำหนดไปแล้ว 15 วันนับแต่วันที่ 22 ต.ค. 2567 ที่ศาลรัธรรมนูญได้ขีดเส้นให้ "อัยการสูงสุด" (อสส.) มีหนังสือตอบกลับถึงการดำเนินการตามคำร้องขอของ "ธีรยุทธ" แล้วหรือไม่ 
 

ล่าสุด อสส.ตอบกลับศาลรัฐธรรมนูญว่า "เรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ" 

ขณะที่ "ชูศักดิ์ ศิรินิล" รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย  ก็ส่งบันทึกถ้อยคำชี้แจงต่อ อสส.โดยย้ำว่าคำร้องของ "ธีรยุทธ" ไม่เข้าข่ายที่ "ทักษิณ" และ  "พรรคเพื่อไทย" กระทำการล้มล้างการปกครอง

"เราก็สู้ไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ ทราบจากข่าวว่าทางอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าไม่เข้าเกณฑ์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล ผมไม่ก้าวล่วง" ชูศักดิ์ ย้ำ
 

อย่างไรก็ตาม  คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดีเดีย์นัดประชุมวันที่ 22 พ.ย. 2567 ว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่

ยกระดับสู้รบ \'นิติสงคราม\' - \'รับ-ไม่รับ\' คดี \'ทักษิณ\' ครอบงำ

โดยคำร้องขอให้วินิจฉัยพฤติการณ์ของ "ทักษิณ" ปมครอบงำ"พรรคเพื่อไทย" กระทำการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่นั้น มีข้อกล่าวหาไว้ 6 ประเด็น

1."ทักษิณ" และ "พรรคเพื่อไทย" สั่งการรัฐบาลผ่าน กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลรำตรวจเอื้อประโยชน์ระหว่างต้องโทษจำคุกพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต

2."ทักษิณ" สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยช์แก่  "สมเด็จฯฮุน เซน" และ "กัมพูชา" ละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย

3. "ทักษิณ" สั่งการ "พรรคเพื่อไทย" แก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง

4."ทักษิณ" สั่งการแทน "พรรคเพื่อไทย" เพื่อเจรจากับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่

5. "ทักษิณ" สั่งการให้ "พรรคเพื่อไทย" ให้มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล


6. "ทักษิณ" สั่งการให้  "พรรคเพื่อไทย" นำนโยบายของตัวเองที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 ไปเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 12 ก.ย. 2567

6 ประเด็นดังกล่าว โฟกัสประเด็นร้อนที่สุด หนีไม่พ้นข้อกล่าวหาแรกกรณีพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ 

ยกระดับสู้รบ \'นิติสงคราม\' - \'รับ-ไม่รับ\' คดี \'ทักษิณ\' ครอบงำ

ประเด็นคำร้องดังกล่าวทำให้มือกฎหมายของ "พรรคเพื่อไทย" มองว่าน่าจะมีโอกาสสูงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณา ซึ่งไม่ต่างจากกรณีคดีของ "อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน" ปมแต่งตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง สั่งรับคำร้องกรณีของ 40 สว.ไว้วินิจฉัย จนท้ายที่สุดก็ส่งผลให้ "เศรษฐา" ต้องร่วงพ้นตำแหน่งนายกฯ แบบไม่คาดคิด

ทว่าคำร้องปม "ทักษิณ"  ครอบงำ "พรรคเพื่อไทย" อาจจะต้องลุ้นหลายยกในเกมยาว  มีการประเมินอาจกินเวลาไต่สวนในชั้นศาลรัฐธรรมนูญถึง 6 เดือนโดยประมาณ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

แหล่งข่าวจากมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยมองว่า แนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมาเป็นไปได้ 2 ทางคือ รับคำร้อง และ ไม่รับคำร้อง

แต่แนวโน้มการสั่งรับคำร้องจะมีโอกาสสูงกว่า โดยมีข้อพิจารณาเหตุผลที่จะต้องรับไว้ เพราะ 1.ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นศาลที่พิจารณาคดีเกี่ยวกับการเมือง ที่ผ่านมาการพิจารณาคดีใหญ่ๆ มักจะมีผลการพิจารณาที่คาดไม่ถึงตลอดเวลา อาทิ กรณีคดีบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลวินิจฉัยให้พ้นข้อกล่าวหา และคดีของอดีตนายกฯ เศรษฐา ก็วินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกฯ ถือว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมักจะออกมาในทางพิศดารอยู่เสมอ 

2.คำร้องของ "ธีรยุทธ" เกิดขึ้นในห้วงที่สถานการณ์การเมืองใช้แง่มุม "นิติสงคราม" เข้าห้ำหั่นกัน และผลของคำร้องที่ยื่นนั้นก็เกิดขึ้นหลังจาก พรรคพลังประชารัฐ สูญเสียอำนาจในการพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งมีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่า "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ยอมแพ้ ทำให้ขุนพลบ้านป่ารอยต่อฯ อย่าง "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ต้องเดินเกมประกาศผ่านสื่อยกระดับการสู้รบด้วยเกม "นิติสงคราม"  เพื่อล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ยกระดับสู้รบ \'นิติสงคราม\' - \'รับ-ไม่รับ\' คดี \'ทักษิณ\' ครอบงำ

"มีกลุ่มหนึ่งเขียนคำร้องประเด็นนี้ เหมือนทำแบบนายกฯ เศรษฐา เลย เหตุการณ์ดังกล่าวมีการเตรียมการ วางงานวางคนในการเขียนคำร้อง ทำเหมือนกรณี  40 สว.ล่ารายชื่อเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนายกฯ เศรษฐา อีกทั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนก็มีที่มาจาก 250 สว. ดังนั้นอำนาจของขั้วเก่ายังมีอยู่" แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุ

และ 3.เหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้ แม้ อสส.จะเห็นแย้งกับคำร้องดังกล่าว แต่ศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลพินิจตีความเห็นต่างจาก อสส.ได้ แม้ อสส.จะดูพฤติการณ์ว่าไม่เข้าข่ายในการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 แต่ก็ยังมีมุมที่ยังโต้แย้งไม่ได้ข้อยุติว่า กรณีพักรักษาตัวที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจนั้น "ทักษิณ" ติดคุกจริงหรือไม่

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยจึงประเมินว่า โอกาสสูงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้วินิจฉัย แต่มติไม่เอกฉันท์ โดยข้อกล่าวหาในประเด็นที่ 1 กรณีชั้น 14 และ อีกปมอ่อนไหว ประเด็นที่ 5 กรณีมีมติขับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล เป็น 2 ประเด็นที่คาดว่าศาลจะให้น้ำหนักมากที่สุดในการรับไว้พิจารณา

หรืออีกแนวทางศาลสั่ง "รับคำร้อง" ไว้ก่อนแล้วค่อยพิจารณาวินิจฉัยทีละประเด็นในตอนท้าย

ยกระดับสู้รบ \'นิติสงคราม\' - \'รับ-ไม่รับ\' คดี \'ทักษิณ\' ครอบงำ

ซึ่งหากวินิจฉัยว่า "ทักษิณ" มีการกระทำที่เข้าข่ายตามมาตรา 49 แล้ว บันไดขั้นต่อของผู้ร้องก็จะยื่นดาบสองต่อทันทีตามโมเดลยุบพรรคก้าวไกล คือยื่นคำร้องขอให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย

กระบวนการหลังจากนี้ แน่นอนว่า "ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย"  นำโดย "ชูศักดิ์" ต้องเตรียมประเด็นเพื่อแก้ข้อกล่าวหาทุกแง่มุมเพื่อรักษาสถานะของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ให้อยู่รอดจนครบเทอมตามคำประกาศของ "นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร"

ส่วนอีกแนวทางที่มีโอกาส คือ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกคำร้อง เท่ากับว่า "รัฐบาลพรรคเพื่อไทย"และตัว "ทักษิณ" ก็จะพ้นข้อกล่าวหา แต่ยังต้องลุ้นต่ออีกว่า กลเกมการยกระดับสู้รบด้วย "นิติสงคราม" น่าจะยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้