'ธนาธร' จี้ กกต.แก้ระเบียบแนะนำตัว สว.ตามคำสั่งศาล ก่อนเลือกระดับอำเภอ
'ธนาธร' จี้ กกต.แก้ระเบียบแนะนำตัวตามคำสั่งศาล ก่อนเริ่มเลือก สว. ระดับอำเภอ-จังหวัด ชวนประชาชน สะดวกที่ไหน ไปที่นั่น เพื่อสังเกตการณ์
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการคณะก้าวหน้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าว 3 ประเด็นหลังการเปิดรับสมัคร สว. ได้แก่ ข้อเรียกร้องถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคำชวนถึงผู้สมัครสว. ทุกคน รวมถึงคำเชิญชวนถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชน โดยสรุปประเด็นหลังการรับสมัคร สว.ว่า การรับสมัคร สว.ได้แล้วเสร็จไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้สมัครทั้งสิ้น 48,117 คน อาชีพที่มีผู้สมัครสูงที่สุดคือกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มอัตลักษณ์ มีผู้สมัคร 5,211 คน และกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 609 คน ขณะที่จังหวัดที่มีผู้สมัครสว. มากที่สุด ได้แก่ จังหวัดศรีษะเกษ 2,764 คน และมีผู้สมัครน้อยที่สุด ได้แก่ จังหวัดน่าน 98 คน
นายธนาธร กล่าวว่า การรับสมัคร สว. แม้จะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็มีประเด็นให้ติดตามหลายส่วน หากย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดรับสมัคร สว. และ กกต. ได้ออกระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว. ในระเบียบนั้น ระบุว่า ผู้สมัครสามารถแนะนำตนเองได้ตามแบบฟอร์มที่ กกต. กำหนดให้เท่านั้น ไม่สามารถแนะนำได้นอกเหนือจากนั้น และห้ามไม่ให้ผู้สมัครแนะนำตัวกับบุคคลทั่วไป แต่สามารถแนะนำตัวได้แค่เพียงกับผู้สมัครด้วยกันเองเท่านั้น และห้ามไม่ให้แนะนำตัวผ่านการออกโทรทัศน์หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยหลังจากที่ กกต. ได้ออกระเบียบดังกล่าวมานั้นทำให้มีผู้สมัคร สว.สองกลุ่ม นำโดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท และพนัส ทัศนียานนท์ ยื่นหนังสือต่อศาลปกครองให้ช่วยวินิจฉัยระเบียบของ กกต. ศาลปกครองจึงให้เพิกระเบียบ ข้อ 7 และข้อ 8 ข้อ 11 (2) 11 (3) และให้เพิกถอนมีผลตั้งแต่วันที่ประกาศใช้
นายธนาธร กล่าวอีกว่า หากดูตามไทม์ไลน์จะพบว่า กกต. สามารถอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองภายใน 30 วัน หาก กกต. คิดจะอุทธรณ์หรือไม่แก้ไขระเบียบทันทีเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาล เวลา 30 วันจะหมดลงวันที่ 23 มิถุนายน หมายความว่าระเบียบนี้จะถูกปลดล็อกในวันที่ 24 มิ.ย. ผู้สมัครระดับอำเภอและระดับจังหวัดก็ยังไม่สามารถแนะนำตัวหรือเผยแพร่ข้อมูลของตนเองกับสาธารณะและกับบุคคลทั่วไป และต้องใช้ฟอร์มของกกต. ในการแนะนำตนเองเท่านั้น
นายธนาธร กล่าวถึงการประชุมของ กกต.ทุกวันอังคาร ว่า ขอเรียกร้องไปยัง กกต. เพื่อให้มีความชัดเจนต่อคำสั่งศาลปกครอง ดังนี้
1. ขอเรียกร้องให้กกต. ออกระเบียบใหม่โดยทันที และระเบียบใหม่นั้นต้องสอดคล้องกับคำสั่งศาลปกครอง
2. ขอเรียกร้องให้กกต. ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง (โดยเหตุผล คือ จะช่วยให้การแนะนำตัวมีเนื้อหาที่กว้างขึ้น และหากแนะนำตัวผ่านโซเชียล จะช่วยให้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้สมัครมีอำนาจข้อมูลที่มากขึ้น การตัดสินใจจะมากขึ้น ประชาชนจะช่วยตรวจสอบการเลือกสว. และเหตุผลเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาธิปไตย)
ประธานคณะก้าวหน้า ยังกล่าวถึงการเชิญชวนผู้สมัคร สว. ซึ่ง กกต. ได้ทำแอปพลิเคชั่น Smart Vote ก็ขอเชิญชวนให้ผู้สมัครเข้าไปตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครในอำเภอตัวเอง และศึกษาข้อมูลในกลุ่มที่ตนเองสมัครและกลุ่มอื่น เพื่อทำการบ้านล่วงหน้า เพราะการลงคะแนนของผู้สมัครสว. นั้นสำคัญมาก ตน อยากเชิญชวนให้ผู้สมัครเลือกคนที่มีคุณภาพ คนมีความสามารถไปดำรงตำแหน่ง
สุดท้าย นายธนาธรต้องการเชิญชวนประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม เนื่องจากการสมัคร สว. ครั้งนี้กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะต้องใช้เงิน 2,500 บาท ในการสมัคร หรือคนที่อายุไม่ถึง 40 ปี แต่อย่างน้อยที่สุด กกต. เปิดโอกาส ให้ประชาชน สามารถเข้าเป็นผู้สังเกตการณ์การเลือกส.ว. ทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศได้ ใกล้อำเภอไหน ไปอำเภอนั้น เชิญชวนประชาชนทุกท่านที่มีเวลาว่างในวันเลือกตั้ง ไปติดตามการเลือก สว.
"การมีประชาชน ไปนั่งสังเกตการณ์ก็จะทำให้สิ่งที่มันไม่ถูกต้องในกระบวนการ การเลือกสว. เป็นไปได้ยากขึ้น เช่น มีการไปซื้อเสียงกัน การไปจ้างวานกันหน้างาน หากมีคนตรวจสอบก็จะทำได้ยากขึ้น" นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า แนะนำว่าตอนนี้ องค์กรภาคประชาชน We Watch เปิดสายด่วน 02-114-3189 หากมีผู้พบเหตุความผิดปกติ สามารถงานความผิดปกติของการเลือก สว. ได้เลยทันที