‘ทักษิณ’ถางป่า บอมบ์ ‘3 ป.’ ฉากระส่ำ ดีลข้ามขั้ว
แรงกระเพื่อมจากผู้มากบารมีแต่ละฝ่าย ย่อมสะเทือน “เพื่อไทย” และการสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญของ “รัฐบาล” เมื่อ “ดีลข้ามขั้ว” ออกอาการระส่ำเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
Key Points
- ทักษิณ ชินวัตร ที่ติดบ่วง ม.112 กำลังสู้ตาย อ้างผลพวงจากการยึดอำนาจ จนโดนยัดข้อหา ตามความต้องการผู้มีอำนาจขณะนั้น
- การออกโรงทิ้งบอมบ์ คนบ้านป่า ทำการเมืองวุ่นวาย สะท้อนแรงกระเพื่อมภายในรัฐบาล จากสองผู้มากบารมี
- ดีลข้ามขั้ว ที่เพื่อไทยจับมือตั้งรัฐบาลกับเครือข่าย 3ป. เกิดจากสถานการณ์บังคับโดดเดี่ยวก้าวไกล
- ตอนนี้เริ่มเห็นชัดถึงภาวะปลาคนละน้ำ ฉากระส่ำมาเร็วกว่าที่คาดไว้
การเดินเกมการเมืองของทักษิณ ชินวัตร นับวันจะยิ่งเข้มข้น การทิ้งบอมบ์ลูกโตใส่คนบ้านป่า ว่าเป็นต้นต่อทำการเมืองวุ่นวาย อาจจะบานปลายมากกว่าที่คิด
ถึงทักษิณ ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คนที่ติดตามการเมือง ต่างรู้ว่ากำลังหมายถึง ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
บทบาทของลุงป้อม ในฐานะประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ ฐานที่มั่นสำคัญที่เคยเฟื่องฟูสุดขีดในยุค คสช. และรัฐบาลก่อน เป็นศูนย์กลางอำนาจที่ใครต่างวิ่งเข้าหา
แม้วันนี้บทบาทของลุงป้อมในการยึดกุมอำนาจ ดูจะโรยราไปตามสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป แต่ก็ใช่ว่าลุงจะไร้เขี้ยวเล็บไปเสียทีเดียว
การขยับของ 40 สว. ที่ยื่นสอยเศรษฐา ทวีสิน ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็ถูกเชื่อมโยงไปยังคนบ้านป่า ว่าคอยบงการเปลี่ยนเกม เปลี่ยนตัวผู้นำ
มีข้อน่าสังเกตอีกว่า การที่ทักษิณ ปล่อยหมัดตรงถึงคนบ้านป่า เป็นเพราะคดีตัวเองเกิดสะดุดอะไรเข้าให้หรือไม่ โดยเฉพาะคดีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องทักษิณ ผิด ม.112
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทักษิณ เหมือนปล่อยวางได้ ส่งสัญญาณถึงฝ่ายตรงข้ามต่างคนต่างอยู่
การให้สัมภาษณ์ของทักษิณระหว่างไปร่วมงานบวชลูกชายกฤษฎา หลีนวรัตน์ (นายกเบี้ยว) นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่พูดถึงคดี ม.112 พร้อมกับทิ่มหมัดตรงว่า ที่มาของคดี ม.112 มาจากยุค 3 ป. ครองเมือง ตอนรัฐประหารแล้วยัดข้อหา เพราะคดีนี้ไม่มีมูลแม้แต่นิดเดียว เป็นผลไม้เป็นพิษ ที่เกิดจากต้นไม้พิษ การทำคดีตั้งแต่ต้นมีการข่มขู่พนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ทักษิณ ส่งทนายยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด คัดค้านคำสั่งฟ้อง เพราะมองว่าพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน ถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจยุค คสช.จนไม่มีความเป็นอิสระ เบี่ยงเบนไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ
การเปิดหน้าชกของทักษิณ ที่แม้จะกลายมาเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองขณะนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างแรงกระเพื่อม ไปยังรัฐบาลเศรษฐา โดยตรง ถึงความไม่แน่นอนต่างๆ
พลังประชารัฐ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกจับตาว่าจะหลุดวงโคจรอำนาจหรือไม่อย่างไร เพื่อสังเวยศึก 2 ลุง แม้ว-ป้อม
แกนนำรัฐบาลอาจกำลังอึดอัดใจกับสิ่งที่เป็นไม่มากก็น้อย แต่คงแสดงออกตรงๆ ไม่ได้
เศรษฐาที่พยายามประคับประคองเสถียรภาพรัฐบาล ไม่ให้กระทบความเชื่อมั่นไปมากกว่านี้ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า ไร้ปัจจัยบวก แล้วยังมีปัญหาการเมืองขนาบข้างคงไม่เป็นผลดี
อาฟเตอร์เอฟเฟ็กต์ต่างๆ จากเรื่องคนอื่น เมื่อทักษิณไม่ยอมแพ้คดี ม.112
ก้าวไกล สู้ไม่ถอยเรื่องยุบพรรค แถลงสู้คดีนอกศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ศาลฯ เตือนไม่ควรทำ ยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนแรงและตึงเครียดยิ่งขึ้น แรงเสียดทานเหล่านี้จะกระทบรัฐบาลเศรษฐา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ในจังหวะที่รัฐบาลกำลังควานหาความนิยม ที่ยังไม่กระเตื้อง นโยบายเรือธงอืดอาดไม่ไปไหน จุดนี้จึงน่าเป็นห่วงสำหรับเพื่อไทย ไม่น้อย นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เศรษฐา คิดและทำมาตลอด อาจไม่เข้าเป้า ต้องยกเครื่องการทำงานใหม่หมดหรือไม่
ศึกคู่ขนานที่ต้องจับตา ผลเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ปลายเดือน จะเป็นชี้วัดความสำเร็จของเพื่อไทยในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป ไม่มากก็น้อย
งานนี้นายใหญ่ ต้องการสั่งสอนบิ๊กแจ๊ส คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ความสัมพันธ์ดูจะไม่มีวันเหมือนเดิม แม้เสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนใกล้ชิดทักษิณ จะพยายามเป็นกาวใจ พาน้องมาเจอพี่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยิ่งจะไปกันใหญ่
ทักษิณ ที่เหมือนกำลังรุกรบกับเครือข่าย 3 ป. ซึ่งแตกหักทางการเมืองกันไปแล้ว อาจมีเหตุให้กลับมาเหนียวแน่นกันอีกครั้ง ด้วยสถานการณ์บังคับเช่นนี้ ที่ไม่ง่ายสำหรับทั้งสองฝ่าย
แรงกระเพื่อมจากผู้มากบารมีแต่ละฝ่าย ย่อมสะเทือนเพื่อไทย และการสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญของรัฐบาล เมื่อดีลข้ามขั้วออกอาการระส่ำเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด