ตรึง‘บ้านใหญ่’สู้กระแสส้ม วางเกมยาวเลือกตั้ง 70 ทักษิณ ดูดลูกน้องเก่ากลับ
ตรึง‘บ้านใหญ่’สู้กระแสส้ม ยุทธศาสตร์โดดเดี่ยว‘ก้าวไกล’ วางเกมยาวเลือกตั้ง 70 ‘ทักษิณ’ เดินสายบ้านใหญ่ ดูดกลับพรรค-ลูกน้องเก่า
KEY POINTS :
- การเลือกตั้งปี 2566 "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ประสบความพ่ายแพ้ครั้งแรก การกลับมามีอำนาจเที่ยวนี้ เป้าหมายต้องกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในสนามเลือกตั้ง
- ไม่แปลกที่ "ทักษิณ" จะเดินสายพบปะ "คนบ้านใหญ่" เพื่อรวบรวม กลุ่ม-ก๊วน การเมืองเข้ามาผนึกกำลังกับ พรรคเพื่อไทย
- แม้กระแสสีส้มจะมาแรง แต่พอมีหนทางเอาชนะได้ ทางหนึ่งต้องพึ่งบริการ "บ้านใหญ่" อีกทางหนึ่ง "ทักษิณ" ต้องดึงลูกน้องเก่ากลับรัง
ความเคลื่อนไหว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินสายพบ “บิ๊กเนม-บ้านใหญ่” อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีชนักคดี ม.112 ปักอยู่กลางหลัง แต่ท่าทีเจ้าตัวกลับเดินเกมการเมืองข้ามชอตอย่างมีนัย โดยเฉพาะการวางขุมกำลังในยุทธศาสตร์การเมืองใหม่
หลายฝ่ายทำนายแนวโน้มการเมืองในการเลือกตั้งปี 2570 ว่า แม้ “พรรคก้าวไกล”มีโอกาสถูกยุบพรรค แต่กระแสความนิยมของ “ขุนพลสีส้ม” ยังแรงดีไม่มีตก ดังนั้นการสร้างความนิยม เพื่อสู้กระแสสีส้มของ“ทักษิณ-เพื่อไทย” จึงเป็นไปได้ยาก
ทางเลือก ทางรอดของ “ทักษิณ” ในฐานะมวยแทนของ“อนุรักษนิยม” จึงเลือกทิ้งกระแส สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 ที่นั่ง เลือกไปสู้สนาม สส. เขต 400 ที่นั่ง ที่มีโอกาสมากกว่า
วิธีลัดที่“ทักษิณ”เคยใช้ในการก่อตั้งพรรครักไทยจึงถูกปัดฝุ่นมาใช้ในยุคนี้ นั่นคือการรวบรวม “ขุนพลบ้านใหญ่” จากทุกบ้าน-ทุกค่าย ให้มารวมตัว-รวมก๊วน-รวมกลุ่มกันที่ “พรรคเพื่อไทย”
ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งปี 2566 เหตุผลหลักที่ “บ้านใหญ่” พ่ายศึกเลือกตั้งกระเจิง เพราะพรรคการเมืองในขั้วรัฐบาลปัจจุบันแย่งชิงแต้ม สส.เขต กันเอง ส่งผลให้ “ก้าวไกล”ที่กระแสดีที่สุด สามารถคว้าชัยชนะในหลายพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งกระสุนแบบการเมืองเก่า
จังหวะก้าวย่างของ “ทักษิณ” ในการเคลื่อนรวบรวม “กลุ่มบ้านใหญ่” จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อตรึง “บ้านใหญ่” เอาไว้ ตั้งแต่เนิ่นๆ ป้องกันไม่ให้เปลี่ยนใจไปโหนกระแส “ค่ายสีส้ม”
ผู้นำหลังม่านอย่าง“ทักษิณ” จึงเริ่มคิกออฟเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2566 มี สส.16 ที่นั่ง โดยเพื่อไทยกวาดมาได้ 12 ก้าวไกล 3 (โซนเมือง เขต 1, 2, 3) และภูมิใจไทย 1 ที่นั่ง
ความพ่ายแพ้ในเขตเมือง ทำให้ทักษิณต้องเปิดดีล เพื่อดึง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ”จากพรรคชาติพัฒนา ให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ซึ่งต้องติดตามว่า จะใช้โมเดลย้ายมารวมกับพรรคเพื่อไทย หรือจะใช้สูตรหลบเขตให้พรรคเพื่อไทย ไม่ส่งคนสู้ในพื้นที่ของพรรคพันธมิตร
ขณะเดียวกันใน จ.นครราชสีมา ยังมี “บ้านใหญ่” ตระกูลหวังศุภกิจโกศล ตระกูลจันทรรวงทอง คอยให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญในการเลือกตั้ง นายก อบจ. ช่วงต้นปี 2568 อาจได้เห็นทุกองคาพยพ ร่วมกันสนับสนุน “ยลดา หวังศุภกิจโกศล”นั่งนายก อบจ. อีกสมัย
คิวถัดมา วันที่ 7 มิ.ย. ทักษิณลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี หวังคืนชีพ แดงปทุมฯ โดยการเลือกตั้งปี 2566 จ.ปทุมธานี ซึ่งมี สส. 7 ที่นั่ง ก้าวไกลกวาดไปถึง 6 ที่นั่ง เพื่อไทยเหลือเพียง 1 ที่นั่ง เรียกได้ว่า “บ้านใหญ่ปทุม” พ่ายหมดรูป
ศึกชิงนายก อบจ.ปทุมฯรอบนี้ จึงเสมือนเป็นการแก้มือของ “บ้านใหญ่ปทุม” โดยมี “ชาญ พวงเพ็ชร์” ลงสมัคร โดย“เพื่อไทย”ให้การสนับสนุน เพื่อสู้กับ “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ที่ให้ลูกชายดึง สส. ก้าวไกล มาช่วยหาเสียง
สำหรับ“บ้านใหญ่ปทุม” ที่เข้าค่ายสีแดง ประกอบด้วย ตระกูลหลีนวรัตน์ ตระกูลภิรมย์พร้อม ตระกูลเกียรติพัฒนาชัย ตระกูลนพขำ ตระกูลอึ้งอัมพรวิไล ตระกูลประเสริฐสุข เป็นต้น
ต่อเนื่องกัน วันที่ 12 มิ.ย. ทักษิณได้เปิดปฏิบัติการปลุก แดงเมืองนนท์ ด้วยการไปร่วมงานเลี้ยง วันคล้ายวันเกิดของ “สมนึก ธนเดชากุล” นายกเทศมนตรีนครนนท์
ว่ากันว่า “สมนึก”เกือบย้ายเข้าค่ายสีส้ม เพราะหวั่นไหวกับกระแส แต่ “ทักษิณ”ได้เปิดเกม ดึงกลับมาอยู่ในค่ายแดง
การเลือกตั้งปี 2566 จ.นนทบุรี สส. 8 ที่นั่ง ก้าวไกลกวาดมาได้ทั้งหมด 8 ที่นั่ง เพื่อไทยกลายเป็น 0 กระแสสีส้มมาแรงกวาดเรียบทุกเก้าอี้ จึงหมายถึง “บ้านใหญ่เมืองนนท์” พ่ายเรียบวุธ
ศึกชิงนายก อบจ.นนทบุรี รอบนี้ “กลุ่มผึ้งหลวง” จึงเป็นการรวมตัวกันของพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ โดยมีแนวโน้มจะส่ง “พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ” ลงชิงนายก อบจ.นนทุบรี อีกสมัย
โดยทักษิณเดินสายรวมพลังบ้านใหญ่เมืองนนท์ ได้ตระกูลใหญ่มาร่วมทัพ ประกอบด้วย “สมนึก ธนเดชากุล” นายกเทศมนตรีนครนนท์ “วันชัย วันชาญเวช” นายกเทศมนตรีตำบลบางสีทอง อ.บางกรวย “นพดล แก้วสุพัฒน์” อดีตนายกเทศมนตรี ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด
“มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์” อดีต สส.นนทบุรี “ภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์” อดีต สส.นนทบุรี บ้านใหญ่ อ.ไทรน้อย “มนตรี ตั้งเจริญถาวร” อดีต สส.นนทบุรี บ้านใหญ่ อ.ปากเกร็ด
เร็วๆ นี้ “ทักษิณ” ยังมีโปรแกรมออนทัวร์ไปยัง จ.นครปฐม เพื่อเปิดดีลดึง “ตระกูลสะสมทรัพย์” กลับเข้าค่าย“เพื่อไทย”เช่นกัน
แม้ปัจจุบัน ตระกูล “สะสมทรัพย์” จะสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ในขั้วพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ขึ้นอยู่กับดีล ว่าเห็นพ้องต้องกันแค่ไหน ระหว่างอยู่พรรคเล็ก กับกลับมาผนึกพรรคใหญ่
ในการเลือกตั้งปี 2566 จ.นครปฐม มี สส. 6 ที่นั่ง กระจัดกระจาย ไปยังพรรคชาติไทยพัฒนา 3 ที่นั่ง ก้าวไกล 2 ที่นั่ง รวมไทยสร้างชาติ 1 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการเข้ามาตีพื้นที่ “บ้านใหญ่สะสมทรัพย์” ของ “ก้าวไกล” และโอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็มีลุ้นว่ากระแสส้มจะรุกคืบเข้ามายึดพื้นที่เพิ่มได้แค่ไหน
ทำให้ศึกเลือกตั้ง นายก อบจ.นครปฐม “เสี่ยหนึ่ง” จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ ที่ประกาศลงชิงในนามบ้านใหญ่ ต้องจับตาว่า “ก้าวไกล” จะส่งใครมาเป็นผู้ท้าชิง
นอกจากบรรดาตระกูลบ้านใหญ่ ในศึก อบจ.ที่ต้องสู้กระแสสีส้ม ยังมีแนวโน้มสูงที่ทักษิณจะดึงบรรดา“ลูกน้องเก่า”กลับมาร่วมงานภายใต้ร่มเงาของ“เพื่อไทย”ที่กระจัดกระจายไปอยู่พรรคอื่นๆ
โดยโฟกัสไปที่พรรคพลังประชารัฐ อาทิ “ตรีนุช เทียนทอง” สระแก้ว “วราเทพ รัตนากร” กำแพงเพชร “สันติ พร้อมพัฒน์” เพชรบูรณ์ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” พะเยา
หลังจากนี้ ต้องจับตาทุกย่างก้าวของ“ทักษิณ” ที่วางสถานะเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองตัวจริง จะเปิดดีลกับบ้านใหญ่กลุ่มก๊วนใด เข้าร่วมยุทธศาสตร์ สู้กระแสสีส้ม-โดดเดี่ยวก้าวไกล