ป.ป.ช.ชง ครม. 3 มาตรการใหญ่แก้ทุจริตอุตสาหกรรมแร่ คลุมขอสำรวจ-ปิดเหมือง

ป.ป.ช.ชง ครม. 3 มาตรการใหญ่แก้ทุจริตอุตสาหกรรมแร่ คลุมขอสำรวจ-ปิดเหมือง

ป.ป.ช.ชง 3 มาตรการใหญ่ ป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ถึง ครม. ครอบคลุมการขออาชญาบัตรสำรวจแร่-ปิดเหมืองด้วย

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเห็นชอบให้เสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 32

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2558 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ แต่ต่อมาพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ได้ถูกยกเลิก และประกาศใช้พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ประกอบกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงได้ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ภายใต้บริบทตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ โดยครอบคลุมตั้งแต่การขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจแร่ จนถึงการปิดเหมือง

โดยมีสาระสำคัญของมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ดังนี้

1. ช่วงการสำรวจแร่ (ตั้งแต่การขออาชญาบัตร การสำรวจแร่ และภายหลังสำรวจแร่) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้

1)ประกาศหรือกำหนดระเบียบ ให้พื้นที่ที่รัฐจัดสรรหรือออกให้ประชาชนเพื่อทำการเกษตรกรรม เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับทำการสำรวจแร่ และทำเหมืองทุกชนิด

2) ให้การสำรวจแร่เป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ทำการสำรวจแร่ ทั้งนี้ รัฐอาจจ้างภาคเอกชนดำเนินการ แทนการให้ภาคเอกชนรับอาชญาบัตรสำรวจแร่จากรัฐเหมือนเช่นที่ผ่านมา

3) ให้มีการดำเนินการกำหนดคำนิยามของคำว่า “พื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม” ที่ชัดเจนไว้เป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

4) พิจารณาเสนอเพิ่มเติมกฎหมายให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในช่วงการขออาชญาบัตร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

5) ขอประกาศหรือกำหนดระเบียบ โดยกำหนดว่า พื้นที่ใดจะมีการทำเหมือง พื้นที่นั้นควรได้รับ การรับรองเส้นแนวเขตในโซนเป็นที่ยุติของปัญหาการทับซ้อนกันของพื้นที่แล้ว

6) พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจแร่ ให้เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและตรวจสอบได้ และติดป้ายประชาสัมพันธ์แบบถาวรในพื้นที่เป็นจุด ๆ โดยแสดง รายนามผู้ได้รับอนุญาต จำนวนพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ระยะเวลาเริ่มต้น - สิ้นสุดการสำรวจแร่ วิธีการสำรวจ และชนิดแร่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำเหมืองด้วย

2.ช่วงการประทานบัตร (ตั้งแต่ก่อนทำเหมืองแร่ ระหว่างทำเหมือง และหลังปิดเหมือง) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้

1) การรับฟังความเห็นของชุมชนในพื้นที่ไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วน มีรัศมีครอบคลุมพื้นที่ไม่เหมาะสม ให้หน่วยงานพิจารณาแก้ไขประกาศ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการรับฟังความเห็น โดยกำหนดให้ประกาศเผยแพร่ให้ประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนภายนอกพื้นที่ สามารถเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและคัดค้านได้

2) ให้ดำเนินการติดตามและตรวจสอบการเข้าร่วมลงทุนของนักลงทุนต่างชาติโดยพิจารณาการลงทุนทั้งจากหุ้นโดยตรง หุ้นแฝง และการโอนเงินของผู้เกี่ยวข้องที่มีลักษณะของธุรกรรมอำพรางอย่างเคร่งครัด

3) การจัดทำรายงาน EIA/EHIA ควรให้มีการเผยแพร่รายงานเป็นระยะ ๆ และนำรายงานฉบับสมบูรณ์ลงเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ พร้อมทั้งควรกำหนดรอบเวลาให้โครงการทำการทบทวน EIA/EHIA และปรับปรุงมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่เป็นปัจจุบัน

4) การรายงานผลประกอบการ ควรพิจารณาแกไขระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแจ้งรายงานการทำเหมือง โดยกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรใช้การรังวัดแสดงพิกัดการทำเหมืองเพื่อรายงานปริมาณการผลิตแร่ ด้วยการใช้ระบบแสดงพิกัดการทำเหมืองโดยใช้ GPS (Global Positioning System) ควบคู่กับการใช้อากาศยานไรคนขับ Drone

5) เสนอแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเฝ้าระวังดูแล หรือตรวจสอบผลกระทบอันอาจเกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ประทานบัตรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

6) ให้มีการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (Base Line Data) โดยรอบเหมืองเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนอนุญาตประทานบัตร 

7) ให้มีการจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมือง ทุก ๖ เดือน

8) ควรจัดให้มีป้ายประกาศ ณ บริเวณพื้นที่ทำเหมืองในพื้นที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ให้ประชาชนได้รับทราบว่าการทำเหมืองนั้น ทำในพื้นที่ของหน่วยงานใด เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด และทำการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนและภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลมิให้มีการทำเหมืองแร่โดยผิดกฎหมาย

9) ควรกำหนดแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่เหมืองแร่หลังปิดเหมืองกลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่ชัดเจน

3.การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของนักลงทุนต่างประเทศ

กรณีคำจำกัดความของคำว่า “นโยบายสาธารณะ” ยังไม่มีความชัดเจน เห็นควรทำการหารือร่วมกับนานาประเทศ เพื่อผลักดันให้มีคำนิยามที่ชัดเจนว่า “การขัดต่อนโยบายสาธารณะ” มีความหมายครอบคลุมถึงกรณีที่นักลงทุนต่างประเทศมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน พร้อมทั้งเสนอให้มีการเพิ่มเติมคำนิยามดังกล่าวลงในภาคผนวกของอนุสัญญานิวยอร์ก และข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ ประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจนไว้เป็นเงื่อนไขของการที่จะให้ต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน นั้น ไม่มีสิทธิมาฟ้องร้องกรณีมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้เสนอมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ข้างต้นไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ต่อไป