'ปริญญา' มอง ลุงชาญชนะเลือกตั้งนายกอบจ.เฉียดฉิว สะท้อนคะแนนนิยม 'ทักษิณ'

'ปริญญา' มอง ลุงชาญชนะเลือกตั้งนายกอบจ.เฉียดฉิว สะท้อนคะแนนนิยม 'ทักษิณ'

"ปริญญา" แนะ แก้กฎหมาย จัดเลือกตั้งท้องถิ่นล่วงหน้า ตั้งข้อสังเกตเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี ช่วงปิดเทอม ทำ นศ.อดลงคะแนน ลั่น  เพื่อไทยไม่ผิด เหตุ ตรวจสอบคุณสมบัติ ”ลุงชาญ“ แล้ว ยกเคสเคยเกิดขึ้นในอดีต

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ก.ค. ตึกแดง กทม. นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์  ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่ผ่านมา ที่ทั้งสองฝ่ายผลออกมาคะแนนฉิวเฉียด จนถูกมองว่าส่งผลถึงคะแนนนิยมของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ก็ต้องมีผลอยู่แล้ว เมื่อนายทักษิณและผู้นำพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียง และชนะกันแค่ 1,000 กว่าคะแนน ซึ่งก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอยู่แล้ว

แต่ตนคิดว่ามีปัจจัยอื่นเกี่ยวพันกันหลายเรื่อง คือจังหวัดปทุมธานีคือพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย แล้วช่วงหลังมาเสียพื้นที่ให้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจะต้องชนะให้ได้และนายชาญ พวงเพ็ชร ว่าที่นายกอบจ.ปทุม เอง ก็เคยเป็นนายก อบจ. หลายสมัย แต่ในสมัยที่ผ่านมาได้แพ้ให้กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นอกจากนี้ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานีทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เลือกตั้งในช่วงปิดเทอม ซึ่งจังหวัดปทุมธานีมีมหาวิทยาลัยเยอะ นักศึกษาปิดเทอมก็กลับบ้านไม่ได้มาเลือกตั้ง 

นายปริญญา กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่ตนขอฝากไว้คือไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งควรจะต้องมีการแก้ไขเรื่องนี้ จึงจะต้องมีการเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องแก้ไขกฎหมายท้องถิ่นให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า

นอกจากนี้ตนยังตั้งข้อสังเกตว่า การชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการการันตีว่าในปทุมธานีพรรคเพื่อไทยจะชนะหรือไม่ชนะในครั้งหน้า เพราะครั้งนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งคนลง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าในท้องถิ่นพรรคเพื่อไทยได้กลับมา เพื่อหวังชนะพรรคก้าวไกลในครั้งหน้า แต่สิ่งที่สำคัญจะมีการประกาศรับรองนายชาญ เมื่อไหร่ และจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะถ้าต่อให้ชนะการเลือกตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็ไปไม่ได้กับสิ่งที่ตั้งใจจะได้ ซึ่งคนที่จะประกาศประกาศให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงในของพรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ต้องเข้าใจว่านายชาญ คุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็พูดถูกว่าไม่ได้ขัดคุณสมบัติแม้แต่ข้อเดียว เพราะศาลยังไม่พิพากษา แต่ว่าการชนะเลือกตั้ง แต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เรื่องนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตอบข้อหารือของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่เดือนธ.ค. 65 เพราะในปีนั้นมีการเลือกตั้งท้องถิ่นและเคยเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมาแล้ว ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่ามี ความเห็นของกฤษฎีกาออกมาแล้วชัดเจน ตรงนี้กกต. ตอนที่สมัครได้แจ้งนายชาญหรือไม่ได้ ว่าได้รับเลือกก็จริง ไม่ขัดคุณสมบัติ แต่อาจจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพราะแนวทางเคยเกิดมาแล้ว 

และย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่ผิด เพราะตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว แต่แนวทางที่กฤษฎีกาออกมาพรรคเพื่อไทยทราบหรือไม่ เพราะหากทราบแล้วยังทำก็ถือว่าผิดพลาด ตนเชื่อว่าเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยคงไม่มาทำให้ตัวเองเสี่ยง ในเรื่องซึ่งกฤษฎีกามีความเห็นมาแล้ว และมองว่าถ้าจะจบคงไปจบที่ศาล เพราะมาตรา 81 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พ.ศ.2561 เมื่อศาลรับคำร้องแล้ว ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ศาลสามารถมีคำสั่งได้เป็นอย่างอื่นได้ ซึ่งนายชาญหรือพรรคเพื่อไทยก็สามารถไปร้องต่อศาลได้.