นักกฎหมาย มอง 'สว.สมชาย' ทำหน้าที่ได้ แม้ถูกสอบคดีเอี่ยวทุจริตเลือกตั้งสส.
"เจษฎ์-เสรี" มอง "สว.สมชาย เล่งหลัก" ทำหน้าที่ สว.ชุดใหม่ได้ เหตุไม่ขาดคุณสมบัติ แม้มีคดีคาศาลฎีกา ถูกสอบปมเอี่ยวทุจริตเลือกตั้ง สส.67
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการเข้ารายงานตัวเป็นสว.ชุดใหม่ ที่สำนักงานเลขาธการวุฒิสภา เปิดให้รายได้ตัว 3 วัน คือ ตั้งแต่ 11 - 12 ก.ค. และ วันที่ 15 ก.ค. ทั้งนี้พบว่า นายสมชาย เล่งหลัก สว.กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ได้เข้ารายงานตัวต่อวุฒิสภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการจับตาถึงการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของนายสมชาย เนื่องจากขณะนี้เป็นผู้ที่ถูกร้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้ง สส. ครั้งที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาให้พิจารณาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งล่าสุดนั้น ศาลฎีกาได้รับคำร้องในคดีหมายดำ ที่ ลต. สส. 4/2567 ไว้พิจารณาแล้ว และเมื่อ 9 ก.ค.ที่ผ่านมาได้นัดตรวจพยานหลักฐานในคดีดังกล่าว ทำให้เป็นที่วิจารณ์ว่านายสมชาย ฐานะสว. มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ในสภาสูงหรือไม่
ต่อกรณีดังกล่าวนายเจษฎ์ โทณวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า นายสมชาย ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และยังไม่ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จึงสามารถเข้ารายงานตัวเป็นสว.ใหม่ได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นคนละกรณีของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพราะมีข้อกฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจน
“เมื่อศาลฎีกายังไม่พิพากษาถึงที่สุด และอยู่ระหว่างพิพากษา จะถือว่าเขาขาดคุณสมบัติไม่ได้ อีกทั้งในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร สว. หรือ สว. ไม่ได้กำหนดบทบัญญัติให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่เหมือนกับการกำหนดไว้ในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ สส. อีกทั้งเมื่อศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องทำหน้าที่ต่อไป” นายเจษฎ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวหากมองในแง่จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองได้หรือไม่ นายเจษฎ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสามารถยื่นให้ตรวจสอบได้ โดย กกต. หรือ สว.ด้วยกันเอง แต่เข้าใจว่า ขณะนี้สว.ยังทำไม่ได้ เพราะต้องรอกล่าวคำปฏิญาณตนในที่ประชุม จึงจะถือว่าทำหน้าที่สว.ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนเมื่อปฏิญาณตนแล้วจะมีผู้ยื่นหรือไม่ ต้องว่ากันอีกครั้ง
ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสว. และอดีต สสร.40-50ให้ความเห็นด้วยว่ากรณีที่นายสมชาย มีคดีที่รอการพิจารณาจากศาล เมื่อครั้งเป็นผู้สมัคร สส. ถือเป็นคนละกรณีกับการลงสมัคร สว. หรือได้รับตำแหน่งเป็น สว. เนื่องจากตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามไว้ชัดว่า คนที่จะขาดคุณสมบัติต้อง อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ อยู่ระหว่างการระงับใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ในคดีเดิมของนายสมชาย ไม่ได้เข้าข่ายทั้ง 2 ประเด็น ดังนั้นถือว่าไม่มีเหตุ และเขาสามารถทำหน้าที่สว.ต่อไปได้
นายเสรี กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ใครมองว่าในแง่จริยธรรมนั้นไม่เหมาะสม จะใช้ช่องเข้าชื่อ สว. เพื่อยื่นให้ตรวจสอบการขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ต้องทำตามกระบวนการ คือให้ องค์กรที่มีหน้าที่ เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ไม่สามารถเอาความรู้สึกหรือความเห็นส่วนตัวไปชี้ว่าเขาต้องพ้นจากตำแหน่งไปได้ รวมไปถึงต้องพิจารณาในข้อกฎหมายด้วยว่ากำหนดบทให้ขาดคุณสมบัติหรือเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามอย่างได้วย ซึ่งขณะนี้ศาลฎีกายังไม่ได้ชี้ชัดเป็นที่สุด
เมื่อถามว่ากรณีที่กฎหมายกำหนดคุณสมบัติ สว. ที่ไม่เหมือนบรรทัดฐานของสส. กรณีถูกยื่นให้ตัดสิทธิหรือเพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้ง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ถือเป็นช่องโหว่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า "เมื่อกฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ต้องยึดถือแบบนั้น"