'บุญส่ง' ได้รับเลือก เป็นรองปธ.วุฒิสภาคนที่สอง

'บุญส่ง' ได้รับเลือก เป็นรองปธ.วุฒิสภาคนที่สอง

"สว." 167 เสียง ลงมติให้ "บุญส่ง" นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ฝ่าย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เตรียมส่งผลการเลือกให้ นายกฯ ทูลเกล้าต่อไป

ที่ประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.ที่อาวุโสสูงสุด เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาวาระเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ซึ่งมีผู้เสนอชื่อชิงตำแหน่ง รวม 4  คน คือ นายบุญส่ง น้อยโสภณ สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม นายปฏิมา จีระแพทย์ สว.กลุ่มสิ่งแวดล้อม นายพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต สว.กลุ่มอุตสาหกรรม และ นางอังคณา นีละไพจิตร

ทั้งนี้ผู้ที่เสนอชื่อดังกล่าวได้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนที่จะให้สว.ลงมติเลือกด้วยการลงคะแนนลับ ทั้งนี้ พล.ต.ท.ยุทธนา แจ้งว่า มี สว.มาลงลายมือชื่อรับบัตร จำนวน 199 คน ซึ่งอีกคนคงกลับก่อน จากนั้นให้เดินหน้าตามกระบวนการ ก่อนจะประกาศผลการออกเสียงลงคะแนน คือ

นายบุญส่ง   ได้ 167คะแนน

นายปฏิมา  ได้ 4คะแนน

นายพงษ์ศักดิ์ ได้ 8คะแนน

และ นางอังคณา ได้ 18 คะแนน

ทั้งนี้พบว่ามีผู้งดออกเสียง 2คะแนน

จากนั้น โดยพล.อ.ยุทธนาแจ้งว่า ผลการลงคะแนน ถือว่านายบุญส่งเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด และได้คะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม ถือว่านายบุญส่งได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่2

จากผลการลงคะแนนเลือก คือ  นายมงคล สุระสัจจะ ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่1 และนายบุญส่งเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่2 ขั้นตอนหลังจากนี้จะ ส่งชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา  รองประธานประธานวุฒิสภา  ไปยังนายกรัฐมนตรี นำความขึ้นทูลเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป โดยการประชุมสว.ครั้งต่อไป จะมีขึ้นหลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภาต่อไป ซึ่งสำนักงานเลขาธิการฯจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้่นมีการแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งนายบุญส่ง แสดงวิสัยทัศน์ไว้ตอนหนึ่งว่า ตนรับราชการมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ตอนนี้ อายุ 75 ปี มาสมัครเป็น ส.ว.คิดว่าจะรับใช้ชาติบ้านเมืองในช่วงท้ายของชีวิต ประวัติการทำงานของตนเริ่มจากการเป็นทหารอากาศ โอนมาอยู่อัยการได้ 6 เดือน แล้วโอนไปเป็นผู้พิพากษาได้ 36 ปี ผ่านการทำหน้าที่ตุลาการ และที่ปรึกษา และทำหน้าที่บริหารองค์กรค่อนข้างยาว การเป็นผู้พิพากษา 36ปี เป็นผู้บริหารเกือบครึ่ง ทั้งเป็นผู้พิกษาหัวหน้าศาล ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมระดับจังหวัด 4 ปี เป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค อธิบดีผู้พิพากษาภาค รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 11 ปี

นายบุญส่ง กล่าวต่อว่า จากนั้นมาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เมื่อพ้นจากตำแหน่ง ก็ได้รับการแต่งตั้งจาก กกต.ชุดปัจจุบันให้เป็นประธานที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. เป็นเวลา 6 ปี และเคยเป็นที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นเวลา 5ปี ซึ่งตนเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าประวัติการทำงานของแต่ละคนเป็นส่วนสำคัญ แต่วิสัยทัศน์มันแต่งได้ ทำได้หรือเปล่าไม่ทราบ

“ประวัติการทำงานของผมที่ผ่านมา เชื่อว่าความรู้ด้านกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆสามารถเข้าใจได้ดี ทำหน้าที่ได้ดีเพื่อนำวุฒิสภาให้ได้รับความศรัทธา เชื่อมั่นจากประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดของส.ว.คือกรรมาธิการของวุฒิสภา ขอให้ตั้งคนดีมีความรู้ ความสามารถกับคณะที่อยู่ นอกจากการพิจารณากฎหมายแล้ว ต้องควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งกระทู้ถาม รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ผมเน้นที่กรรมาธการ จะทำอย่างไรให้กรรมาธิการทำงานมีประสิทธิภาพ โดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส.ว.ก็ต้องมีทั้งด้านวิชาการ ทวิภาคีและพหุภาคี ให้วุฒิสภาได้รับความน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ หวังว่า 5 ปี ส.ว.จะทำงานลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของวุฒิสภา” นายบุญส่ง กล่าว.