ในหลวงพระราชทานพร นายกฯ ครม. ทรงให้กำลังใจ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ
ในหลวงพระราชดำรัส คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ให้มีกำลังใจ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ
เวลา 18.24 น.วันที่ 6 ก.ย. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่นายกรัฐมนตรี และ ครม. เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ว่า
“รู้สึกยินดี ที่ได้มีโอกาสพบท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ฯไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าจะปฏิบัติได้อย่างดี ขอเป็นกำลังใจให้ในโอกาสนี้และตลอดไป”
จากนั้น น.ส.แพทองธาร และ ครม. ได้ถวายความเคารพ และกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวก่อนเข้าเฝ้าฯ ถ่ายภาพร่วมกัน โดยถือเป็นการเข้าทำเนียบครั้งแรกของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ด้วย
ในการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ มีรัฐมนตรีใน ครม. 2 คน ได้แก่ นายทรงศักดิ์ ทองศรี และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ 2 รมช.มหาดไทย ที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้วมีผลออกมาว่าติดเชื้อ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทั้งนายทรงศักดิ์ และ น.ส.ซาบีดา เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างเข้าเฝ้าฯ
ต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครม. ได้เดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยได้เข้าไปตึกสันติไมตรี หลังนอกและถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยหลังการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้พรเป็นสิริมงคล นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก และทรงพระราชทานกำลังใจให้ทำงานอย่างเต็มที่ รู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ตรัส
ขณะที่ รัฐมนตรีหลายคนใน ครม. ยังให้สัมภาษณ์ ถึงแนวทางการบริหารราชการในกระทรวง ดังนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เดินทางออกมาจากตึกสันติไมตรี พร้อม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้กล่าวถึงการแบ่งงานรัฐมนตรีใหม่ว่า ขอให้รอแถลงนโยบายรัฐบาลให้เรียบร้อยก่อน
พร้อมทั้งตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อการมี รมช.หญิง 2 คนด้วยว่า น่าจะทำให้การทำงาน "ซอฟต์ ๆ" เหมือนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของนายกรัฐมนตรี
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายที่จะขับเคลื่อนหลังจากนี้ว่า จะผลักดันการป้องกันและควบคุมกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เนื่องจากกลุ่มโรคเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษามากมายมหาศาล โดยจะผลักดันให้เป็นนโยบาย "ธง" ของรัฐบาล
ส่วนนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะเร่งรัดการทำงานในหลายเรื่องที่เป็นปัญหากระทบกับประชาชน โดยเรื่องแรกคือการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง รวมทั้งเร่งเจรจาความตกลงเขตเสรีการค้ากับต่างประเทศ (FTA) ให้มีการลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าส่งออกใหม่ที่มีมูลค่าสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรี “แพทองธาร” มีจำนวน 35 คน รวม 41 ตำแหน่ง (ไม่นับรวมนายกฯ) ประกอบด้วย รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค และ 1 กลุ่มการเมือง
เป็นรัฐมนตรีครั้งแรก 7 คน ได้แก่ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรค เพื่อไทย เป็น รมช.มหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็น รมช.มหาดไทย แทนบิดาในโควตาพรรคภูมิใจไทย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น รมว.อุตสาหกรรม พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ เป็น รมช.กลาโหม โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ
นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็น รมช.สาธารณสุข และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โควตากลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส
ขณะที่อีก 23 คน เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน” ประกอบด้วย รัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 12 คน โดย 11 คนดำรงตำแหน่งเดิม ยกเว้นนายภูมิธรรมรองนายกฯ ที่ย้ายไปควบกระทรวงกลาโหม จากเดิมควบกระทรวงพาณิชย์
ส่วนพรรคไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใด และรัฐมนตรีคนเดิม ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 7 รัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 รัฐมนตรี พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) และพรรคประชาชาติ(ปช.) พรรคละ 1 รัฐมนตรี