จับตาเร่งเกมปรับพรรคร่วมรัฐบาล - ผุดรัฐบาลรวมชาติ 'ประชาธิปัตย์' เสียบ
จับตาเร่งเกมปรับพรรคร่วมรัฐบาล - ผุดรัฐบาลรวมชาติ 'ประชาธิปัตย์' เสียบ ‘ทักษิณ’ เคลื่อน สะเทือน‘บ้านป่า’ “ธรรมนัส”ยึดพปชร. ตรึงสายตรง 27 สส.
KEY
POINTS
- หลัง 14 ส.ค. หาก "เศรษฐา ทวีสิน" ได้ไปต่อ สมการทางการเมืองจะเปลี่ยนทันที เนื่องจาก "ทักษิณ ชินวัตร" ประกาศในทุกวงสนทนา จะเอา "ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
- โดย สส. พลังประชารัฐ" ในสาย "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" ซึ่งมีอยู่ 27 สส. จะอยู่ในสถานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ 13 สส. ในสาย "ประวิตร" อาจจะต้องล่าถอยไป
- ส่วน "ประชาธิปัตย์" รับส้มหล่น แต่งตัวรอเข้าร่วมรัฐบาล โดย "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" ขน 21 สส. เข้าร่วม โดยต่อรองของเก้าอี้ 1 รัฐมนตรีว่าการ 2 รัฐมนตรีช่วย แต่โดนปัดตกเหลือ 1 รัฐมนตรีว่าการ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการ เท่านั้น
สิงหาฯการเมืองเดือด ไม่ว่าผลคดียุบ พรรคก้าวไกล คุณสมบัติ “เศรษฐา ทวีสิน” ในมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะออกมาอย่างไร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตัวเลข สส.ขั้วรัฐบาล สส.ขั้วฝ่ายค้าน
ปัจจุบันตัวเลข สส.ขั้วรัฐบาล มี 314 คน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 คน พรรคภูมิใจไทย 70 คน พรรคพลังประชารัฐ 40 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน พรรคประชาชาติ 9 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคไทรวมพลัง 2 คน (เปลี่ยนชื่อจากพรรคเพื่อไทรวมพลัง) พรรคท้องที่ไทย 1 พรรคพลังสังคมใหม่ 1 คน และ พรรคเสรีรวมไทย 1 คน
สส.ขั้วฝ่ายค้าน 185 คน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 148 คน พรรคประชาธิปัตย์ 25 คน พรรคไทยสร้างไทย 6 คน พรรคเป็นธรรม 2 คน พรรคครูไทย 1 คน พรรคไทยก้าวหน้า 1 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน และ พรรคใหม่ 1 คน
ทั้งนี้ตัวเลข สส. รวมขณะนี้มี 499 คน จาก 500 คน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง “มุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล” สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย
ขณะนี้มีกระแสข่าว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณของ “เพื่อไทย” ไม่แฮปปี้กับการเคลื่อนเกมการเมืองของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะเกม “อดีตกลุ่ม 40 สว.” ยื่น “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยคุณสมบัติ “เศรษฐา”
รวมถึงกรณีที่ “ประวิตร” อ้าแขนรับ “วัน อยู่บำรุง” อดีตสส.เพื่อไทย ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีความขัดแย้งกับ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งทำให้ “ทักษิณ” ไม่พอใจ “ประวิตร-ขุนพลบ้านป่า”
ประกอบกับความฝันอันยิ่งใหญ่ของ “ประวิตร” คือการนั่งเก้าอี้นายกฯ จึงมีบัญชาไปยัง “ขุนพลบ้านป่า” เปิดเกมเจรจา สส.สีส้ม หาก “ก้าวไกล” โดนยุบจะได้ต้อนเข้ารั้วบ้านป่า แถมยังทาบทาม “สส.ค่ายสีแดง” ด้วยการเอาเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเหยื่อล่อ ยิ่งสุมไฟให้เกิดความขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม การบัญชาเกมในพรรคพลังประชารัฐของ “ประวิตร” ไม่ราบรื่นเหมือนเก่าก่อน บารมีการคอนโทรล “แกนนำพปชร.-ลูกพรรค” ลดน้อยถอยลง โดยมี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแชร์อำนาจ เผลอๆอาจจะยึดอำนาจ “ประวิตร” ไปแล้ว
เช็คลิสต์ 40 สส.พลังประชารัฐ แบ่งเป็น สายตรง “ประวิตร” มี 13 คน (นับรวมพล.อ.ประวิตร) ประกอบด้วย โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี ขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร อนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร ปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร
รวมถึง สส.เพชรบูรณ์ 6 คน ในสายของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ประกอบด้วย พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ จักรัตน์ พั้วช่วย บุญชัย กิตติธาราทรัพย์ วรโชติ สุคนธ์ขจร วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ และอัคร ทองใจสด
สายตรง “ธรรมนัส” มี 27 คน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 7 คน (นับรวม ร.อ.ธรรมนัส) อนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา จีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ ปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน และภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก
ภาคอีสาน 7 คน (ยกภาค) กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย จำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร รัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด วิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ และอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ
ภาคกลาง 6 คน อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา สะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี บุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี จตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี และองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี
ภาคใต้ 7 คน สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส อามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา ทวี สุระบาล สส.ตรัง,สุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช คอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี และชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา
เมื่อโจทย์ของ “ทักษิณ” ส่งตรงถึงมือ “ธรรมนัส” คือการเขี่ย “ประวิตร-สายตรงประวิตร” ออกจากสถานะพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้สมการทางการเมืองเปลี่ยนไปทันที
เบื้องต้นจาก “ขั้วรัฐบาล” 314 คน หัก “สายตรงประวิตร” 13 คน จะเหลือ 301 คน
อย่างไรก็ตาม สถานะของ “27 สายตรงธรรมนัส” ยังสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เนื่อง “ประวิตร” อาจจะไม่ยอมขับ 27 สส. พ้นพรรค ทำให้ “ทีมธรรมนัส” หากจะคงสถานะ สส. เอาไว้ ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสังกัดพรรคพลังประชารัฐต่อไป
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” ต้องเติมเสียงให้คงเสถียรภาพของรัฐบาลเอาไว้ เตรียมจะทาบทาม “พรรคประชาธิปัตย์” เข้าร่วมรัฐบาล โดย 25 สส. ของ “พรรคสีฟ้า” จะมี 21 คน ในสายตรงของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และ “นายก ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค พร้อมยกขบวนมาอยู่ร่วมชายคารัฐบาล
โดยในส่วนของ "ประชาธิปัตย์" ที่จะเสนอให้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต่อรองขอ 1 รัฐมนตรีว่าการ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่ "บิ๊กรัฐบาล" ให้ได้แค่ 1 รัฐมนตรีว่าการ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ "เฉลิมชัย" จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ และ "เดชอิศม์" จะดำรงตำแหน่งช่วยว่าการ
หาก 21 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเติมความแข็งแกร่ง โดยจะใช้คีย์เวิร์ดในการสื่อสารให้เป็น “รัฐบาลรวมชาติ” คาดว่าการปรับครม.จะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม แกนนำรัฐบาล ได้หารือกันแล้ว มีโอกาสปรับครม.และปรับเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.
โดย “รัฐบาลรวมชาติ” จะมี 322 เสียง ทันที ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 คน พรรคภูมิใจไทย 70 คน พรรคพลังประชารัฐ (สายตรงธรรมนัส) 27 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน พรรคประชาธิปัตย์ 21 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน พรรคประชาชาติ 9 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคไทรวมพลัง 2 คน พรรคท้องที่ไทย 1 พรรคพลังสังคมใหม่ 1 คน และพรรคเสรีรวมไทย 1 คน
ด้านจำนวนของ “ขั้วฝ่ายค้าน” 185 คน หากตัด "ประชาธิปัตย์" ออก 21 คน จะเหลือ 164 คน แต่หลังคดียุบ “พรรคก้าวไกล” อาจจะมี “ตัวแปร” ที่จะต้องนำมาคำนวณจำนวนกันใหม่
เนื่องจากอาจจะมี “สส.ก้าวไกล” กลายร่างเป็น “สส.งูเห่า” ไปเพิ่มเสียงให้ “ขั้วรัฐบาล” ยิ่งในช่วงมีการเปิดดีลพรรคร่วมรัฐบาลกันใหม่ อาจจะมีพรรคจากขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ปฏิบัติช้อน สส.งูเห่า ไปดูแล
เมื่อ “ทักษิณ” มีโจทย์เอา “ประวิตร-ทีมบ้านป่า” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล สมการทางการเมืองหลังชี้ชะตา “เศรษฐา ทวีสิน” ในวันที่ 14 ส.ค. จะเปลี่ยนไปจากเดิม
เหตุผลหลักของความเปลี่ยนแปลง ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาภายใน “บ้านป่า” ที่มี “ขุนพล” คอยให้คำแนะนำ “ประวิตร” เสนอสูตรคว่ำ “เศรษฐา” เปลี่ยนตัวนายกฯอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสไตล์ของ “ทักษิณ” มักจะไม่ชอบรัฐบาลที่พรรคร่วมฯ เปิดเกมห่ำหั่นกันเอง
หลังจากนี้ ต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” และยิ่งต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ “ประวิตร-ทีมบ้านป่า” ที่ต้องงัดทุกสูตร เพื่อโค่น “เศรษฐา” หากต้องการรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเองเช่นกัน