‘ปิยบุตร’ ชี้ถ้าร้องยุบพรรคปมล้มล้างปกครอง ไม่เป็นคุณกับสถาบันฯ

‘ปิยบุตร’ ชี้ถ้าร้องยุบพรรคปมล้มล้างปกครอง ไม่เป็นคุณกับสถาบันฯ

‘ปิยบุตร’ เลคเชอร์สาธารณะ รื้อสัมพันธ์ศาล รธน.กับการเมืองไทย ยกสารพัดคดียุบพรรคในอดีต ผ่าน รธน. 3 ฉบับ เทียบเคส ‘ทษช.-ก้าวไกล’ ปมล้มล้างการปกครองเหมือนกัน แต่ในคำวินิจฉัยทุกบรรทัดมีแต่อ้างสถาบันฯ ชี้ถ้าร้องยุบพรรคด้วยเรื่องแบบนี้ไม่เป็นคุณกับสถาบันฯ

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า บรรยายในกิจกรรมเลคเชอร์สาธารณะ ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยในช่วงต้องการปฏิรูปการเมือง ประชาธิปไตย เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม จึงจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2540 ขึ้นมาเพื่อปฏิรูปการเมือง ธรรมดาไม่เคยทำ ไปดูประเทศอื่นเขาทำ วันนี้ถึงเวลาทำรัฐธรรมนูญปฏิรูปการเมือง ก็นำเข้ามา โดยรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นฉบับแรกที่นำเข้ามาว่า ต่อไปนี้ไทยต้องมีศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมียุบพรรค จะเห็นได้ว่า วิธีคิดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญก็ดี วิธีคิดเรื่องการยุบพรรคก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตก มันเป็นประสบการณ์ที่เขาเจอกับตัวเอง เขาเจอ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เจอพรรคนาซีเรืองอำนาจ ประชาธิปไตยเขาดันเปิดทางให้มีคนมาล้ม จึงต้องป้องกันตัวเอง พวกเขาถึงคิดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการยุบพรรค

“ถามว่าไทยเคยผ่านประสบการณ์พวกนี้หรือไม่ ก่อนปี 2540 ไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่เอาเข้ามาทำไม เพราะมันเป็นเทรนด์ ฝรั่งเขียนแบบนี้ เราต้องเขียนบ้าง ลอกกันมา แต่เราไม่เคยมีประสบการณ์แบบเขา เมื่อไหร่ก็ตามคุณนำเข้าสถาบันทางกฎหมายจากโลกตะวันตก ไม่ได้เกิดจากเนื้อนาดินของเราเอง เอาเข้ามาใช้ปุ๊บ กลุ่มคนที่มีอำนาจมาใช้อย่างบิดผันไป ตัดต่อพันธุกรรมให้เป็นแบบไทย ออกแบบให้เป็นแบบไทย ไม่ได้เหมือนกับที่เขาใช้กัน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อวานเห็นข่าวว่านายทะเบียนพรรคการเมือง เลขาธิการ กกต.โพสต์บทความวิชาการของฝรั่งเพื่ออธิบายว่า ประเทศอื่นมีการยุบพรรคกรณีล้มล้างการปกครอง นี่คือเทคนิคของชนชั้นการปกครอง บางทีบอกอย่าอ้างฝรั่ง แต่อันไหนอ้างฝรั่งแล้วตัวเองได้ ก็จะอ้างฝรั่ง พอมาใช้ในไทยมันบิดเพี้ยนผิดไปผิดมา

เราใช้รัฐธรรมนูญมา 3 ฉบับปี 2540, 2550 และล่าสุด 2560 ที่ผ่านมามีการยุบพรรคเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นพรรคเล็กพรรคน้อย แต่ถ้าคัดเฉพาะพรรคใหญ่ สส.จำนวนมาก พรรคที่เวลาที่ถูกยุบส่งผลสะเทือนการเมืองไทย ไล่เรียงมาได้แก่ การยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคชาติไทย ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย ยุบพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคอนาคตใหม่ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นต้น

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การยื่นยุบพรรคที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการจ้างวานพรรคเล็ก การทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่พอมาถึง ทษช. เป็นเรื่องปฏิปักษ์การปกครอง อนาคตใหม่เรื่องปล่อยกู้เงิน พอมาก้าวไกลล้มล้างการปกครอง และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ระบอบการปกครอง จะเห็นได้ว่าทิศทาง จากเมื่อก่อนเอาเรื่องผิดกฎหมายเลือกตั้ง เอาเรื่องผิดกฎหมายมายุบพรรค ณ วันนี้เดินทางมาถึงจุดที่ว่าจะยุบพรรคด้วยข้อหาล้มล้างการปกครอง จากหาจุดเล็ก ๆ จุดนั้นจุดนี้ส่งผลยุบพรรค เขียนรัฐธรรมนูญ เขียนกฎหมายลงโทษย้อนหลัง มันพัฒนาเดินทางมาถึงว่าพรรคที่จะถูกยุบถูกข้อหาล้มล้างการปกครอง

“ถ้าย้อนอ่านคำวินิจฉัย 3/2562 ยุบ ทษช. ย้อนไปอ่าน 3/2567 ที่พรรคก้าวไกลใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครอง อ่านคำวินิจฉัย 2 ฉบับทุกบรรทัด ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น พอใช้ข้อหาแบบนี้ นั่นหมายความว่า จากเดิมพรรคที่ถูกยุบ เราก็ไม่พอใจแล้ว มวลชนไม่พอใจ แต่อย่างน้อยก็ใช้เทคนิคทางกฎหมาย มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งว่ากันไป แต่วันนี้ ทษช. และก้าวไกล ข้อหาที่โดนคือปฏิปักษ์การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ถ้าอ่านคำวินิจฉัย 3/2562 หรือ 3/2567 แต่ศาลพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น จึงมีความเห็นว่า การร้องยุบพรรคด้วยเรื่องแบบนี้ไม่เป็นคุณกับสถาบันพระมหากษัตริย์” นายปิยบุตร กล่าว