‘ธนาธร’ รับฝันลม ๆ แล้ง ๆ ‘ก้าวไกล’ รอดยุบ ตั้งเป้าปี 70 ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
‘ธนาธร’ ยักไหล่แล้วไปต่อ รับฝันลม ๆ แล้ง ๆ ‘ก้าวไกล’ จะไม่ถูกยุบ ชี้พรรคการเมืองก้าวหน้า ไม่ถูกอนุญาตให้ดำรงอยู่ในสารบบการเมืองไทย ตั้งเป้าปี 70 ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ส่วน ‘พิธา’ โพสต์ปิดเส้นทางการเมือง สักวันหนึ่งจะกลับมาถ้า ปชช.ต้องการ
เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 7 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างการปกครอง ว่า ยักไหล่ แล้วไปต่อ – ไปไหน ตนแอบฝันลมๆ แล้งๆ มาตลอด ว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ หลายเดือนที่ผ่านมา เดินสายต่างจังหวัด พบปะกับผู้คนเมื่อไหร่ ก็บอกกับทุกคนว่า ไม่ต้องกังวล ยักไหล่ แล้วเดินต่อไป การยุบพรรคทำอะไรพวกเราไม่ได้ แต่ในใจก็หวั่นไหว และกังวลพอสมควร
“วันนี้ ฝันลมๆ แล้งๆ ก็คือฝันลมๆ แล้งๆ จริงๆ พรรคการเมืองที่มีความคิดก้าวหน้า ไม่ถูกอนุญาตให้ดำรงอยู่ในสารบบการเมืองไทย ถ้าคุณไม่รอมชอมกับโครงสร้างการเมืองของคนชั้นนำเพื่อชนชั้นนำโดยชนชั้นนำ พรรคคุณจะถูกยุบ ถ้าคุณไม่ศิโรราบกับอำนาจเหนือประชาชน คุณก็ถูกตัดสิทธิ์การเมือง” นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร ระบุว่า เอาละ เมื่อพรรคถูกยุบแล้ว เราจะไปทางไหนกันต่อ เราต้องมองมันเป็นโอกาส ในการสร้างพรรคที่เข้มแข็งกว่าเดิม เราต้องการสร้างพรรคมวลชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขันผ่านพรรค ก้าวไกลทำได้ดีกว่าอนาคตใหม่ แต่พรรคใหม่ต้องทำให้ดีกว่าก้าวไกล ตัวชี้วัดที่สำคัญคือปริมาณและการมีส่วนร่วมของสมาชิก การยุบพรรคอาจทำให้เราทรุดไปบ้าง แต่เราสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดเชิงโครงสร้างได้ง่ายขึ้น พัฒนาตัวเองได้สะดวกขึ้น พรรคมวลชนที่เข้มแข็งคืออาวุธเดียวที่ประชาชนมีในการสร้างการเปลี่ยนแปลง
“เส้นขอบฟ้าทางการเมืองของเรา คือการเลือกตั้ง 2570 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 หลังจากการตั้งพรรคอนาคตใหม่ หลังจากการเดินทางก้าวแรกของเรา 2570 คือปีที่เราต้องชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เราจะทำให้ทศวรรษ 2570 จะเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง นั่นคือที่ที่เราจะไป” นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร ระบุอีกว่า ต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทุกคนเยี่ยมยอดมาก ภายใต้การนำของคุณ ก้าวไกลชนะเลือกตั้ง เป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศอย่างภาคภูมิ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ พวกคุณนำพรรคได้อย่างสง่างามแล้ว ขอให้ทุกคนเดินทางร่วมกันต่อ ศักยภาพและพลังของทุกคน แม้ถูกตัดสิทธิ์ ลงเลือกตั้งไม่ได้ ยังมีประโยชน์ต่อประเทศได้ในอีกหลายทาง
ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เหลือ และต่อผู้ปฏิบัติการพรรค วันนี้คงเป็นอีกวันที่เราสัมผัสถึงความอยุติธรรมได้ด้วยตัวเอง ทุกคนต้องตระหนักว่า ภารกิจและความคาดหวังที่ประชาชนจำนวนมากมีต่อเรา เป็นภารกิจที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ ต่ออนาคตของลูกหลานของเรา มันเป็นภารกิจที่ใหญ่กว่าความต้องการของตนเอง หากเราไม่สามัคคีกัน เอาอัตตาตนเองเป็นที่ตั้ง เราจะไปไกลกว่านี้ไม่ได้เลย ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเสียสละ ลดอัตตาตนเอง มองเป้าหมายส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว นอบน้อมต่อประชาชน
“ต่อผู้สนับสนุนพรรค เดินต่อไปด้วยกันอย่างหนักแน่น อย่าหวั่นไหว เราลบคำปรามาสมาแล้วสองการเลือกตั้งเพราะคุณ ขอบคุณจากใจที่เดินด้วยกันมาตลอด ในวันที่อนาคตใหม่ถูกยุบ เหนื่อยและหมดหวัง ผมได้กำลังใจจากทุกท่านค้ำยันให้ผมลุกขึ้นได้ ผมหวังว่าทุกท่านจะส่งกำลังใจให้พรรคก้าวไกล อย่างดีเหมือนที่เคยส่งให้ผม ค้ำยันให้พวกเขาลุกขึ้นยืนต่อไปได้เช่นกัน” นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร ระบุด้วยว่า มีเวลาอีก 3 ปีจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า มาร่วมสร้างพรรคใหม่ไปด้วยกัน พรรคที่สดใส มีพลัง พรรคที่สุขุม แต่กระตือรือล้น พรรคที่เปิดกว้าง แต่ก็หนักแน่นในอุดมการณ์ พรรคที่กุมข้อเสนอทางการเมืองที่แหลมคม แต่ไม่มุทะลุจนเสียงาน พรรคที่ทำงานอย่างหนัก เสียสละเพื่อประชาชน นี่คือพรรคใหม่ ที่จะนำพวกเราสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า
“ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ตอบโต้ความอยุติธรรม ด้วยการทำงานให้หนักกว่าเดิม ให้ความปรารถนาดีต่ออนาคตประเทศของเราชนะความหวาดกลัวและความอำมหิตของพวกเขา ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ยักไหล่แล้วเดินต่อไปด้วยกัน” นายธนาธร ระบุ
วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เช่นกันว่า เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของตนที่ได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติและประชาชนในฐานะนักการเมือง จะเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม วันนี้ขออำลาทุกท่านในฐานะผู้แทนรัฐสภา เมื่อเส้นทางการเมืองถูกปิดตัวลง
“แต่ขอกลับมาเป็นประชาชน เคียงบ่าเคียงไหล่ทุกท่านพัฒนาบ้านเมือง ไปพร้อมๆ กับเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากทั่วโลก และ สร้างนักการเมืองรุ่นต่อไป ป้อนเข้าสู่ระบบการเมืองไทย และสักวันหนึ่ง ถ้าประชาชนยังต้องการ ผมจะกลับมา” นายพิธา ระบุ