ฝุ่นตลบ อุ้ม ‘อุ๊งอิ๊ง’ ฝ่าจริยธรรม ปิดจุดตาย เกมหลอนซ้ำสอง
ทุกอย่างในเกมอำนาจล้วนสุ่มเสี่ยงต่อกล่องดวงใจรัฐบาลเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร ที่มีช่องให้ยื่นร้องฟัน ร้องสอยได้เสมอ ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ที่การเมืองบางกลุ่มอาจไม่สมประโยชน์อย่างถ้วนหน้า
KEY
POINTS
- การฟอร์ม ครม. สเปกเทพ คัดกรองคุณสมบัติถี่ถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้ “อุ๊งอิ๊ง” ตายน้ำตื้นซ้ำสอง
- ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับ 2 พรรคการเมือง ที่แตกแยกกันภายใน จากเกมร่วมวงแชร์อำนาจ
- ในจังหวะที่ศัตรูของทักษิณ และเพื่อไทย ไม่ได้ลดละ จ้องจะเช็กบิลทุกเมื่อที่มีโอกาส
บรรยากาศในช่วงฟอร์มคณะรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ดูจะวุ่นวายไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ เมื่อมีคนได้ และเสียประโยชน์ในคราวเดียวกัน เกมแย่งชิงจึงมีให้เห็น
2 พรรคการเมืองที่ยังลูกผีลูกคน อย่างพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ ที่เจอปัญหาภายในคล้ายกัน คือ คนในพรรคมีแนวคิดแตกเป็น 2 ทาง
ประชาธิปัตย์ สายเสี่ยต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน พร้อมขน สส.ประมาณ 20 ชีวิต ไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย สวนทางกับผู้อาวุโส ชวน หลีกภัย ที่ค้านมาตั้งแต่ต้น
ทางพลังประชารัฐ ไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องร่วมรัฐบาล ยืนยันตลอดไปไหนไปกัน แต่ปัญหาตอนนี้คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า เหมือนจะไม่เผาผีกับ ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากกรณีผู้กองโดนเขี่ยไม่ให้ร่วม ครม.เพื่อไทย
ความแตกแยกของพลังประชารัฐ กลายเป็นช่องโหว่ให้ประชาธิปัตย์มีจังหวะเข้าเสียบ แต่ประเด็นของพรรคสีฟ้า แกนนำพรรคต่างประสานเสียงตรงกันว่ายังไม่ได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วม
ในส่วนของพรรคลุง กลับเจอเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ยังไม่ได้รับแบบฟอร์มกรอกประวัติเป็นรัฐมนตรี ท่ามกลางการจับตา ว่าผู้มีอำนาจตัวจริงที่ช่วยขับเคลื่อนงานให้รัฐบาล กาหัวตั้งแต่ไก่โห่
ถึงแม้นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ที่ให้สัมภาษณ์สื่อยอมรับว่าพลังประชารัฐ ยังอยู่ร่วมรัฐบาล นั่นอาจจะเข้าใจได้ว่าบุคคลสำคัญหลายคนที่ใช้นามสกุลเดียวกัน มีมุมมองต่อคนบ้านป่าฯ แตกต่างกันออกไป
บางทีการเอาลุงไว้ใกล้ตัว ก็ร้อนเกินไป แต่การสลัดลุงไปไว้ไกลๆ ก็ทำหลายคนหนาวอยู่เหมือนกัน
ด้วยอิทธิฤทธิ์กำลังภายใน ยังสามารถบริหารจัดการเกมการเมืองได้อยู่ คนที่ฝังใจที่สุดคงเป็นเศรษฐา ทวีสิน
เรื่องนี้นายใหญ่ นายหญิง อาจมองต่างมุมกันหรือไม่อย่างไร เพราะยังไม่ทันที่อุ๊งอิ๊ง จะได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มตัว มือดีก็ซุ่มไปร้องยุบพรรคเพื่อไทยต่อ กกต.
สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเศรษฐา ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ จนพ้นตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ
วิญญูชนต่างรับรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าพิชิต เป็นหัวหน้าทีมทนายให้ทักษิณ และมีประวัติฉาวโฉ่ จึงเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่มองว่าเพื่อไทยเข้าข่ายยินยอมให้บุคคลภายนอกชี้นำ ผิดรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมือง
เรื่องนี้ทักษิณ ตอบสื่อชิลๆ วันก่อน ว่า ไม่มีการครอบงำอุ๊งอิ๊ง แต่ครอบครอง เพราะเป็นลูกสาวผม
ทักษิณก็ยังเป็นทักษิณ ที่มักแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยม พูดถึงฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งท่ายื่นคำร้องแบบไม่ให้ราคา เอาไว้ว่า “สบายๆ อยากจะร้องก็ร้องให้ดัง”
เป็นการประกาศให้รู้กันไปว่า คนระดับทักษิณ วันนี้จะต้องกลัวอะไรใครที่ไหน ในเมื่อบารมีทางการเมืองเต็มเปี่ยม กลายเป็นศูนย์กลางที่นักธุรกิจ นักการเมืองวิ่งเข้าหา
แต่ประเด็นครอบงำ ดูจะต่างจากเรื่องคุณสมบัติคนเป็นรัฐมนตรี ที่ต้องสแกนเข้ม เพื่อให้รัฐบาลมั่นคง มีเสถียรภาพ อุ๊งอิ๊งจะได้ไม่มาตายน้ำตื้นซ้ำสอง เพราะจะกระทบงานใหญ่ทางการเมือง และเมกะโปรเจกต์ที่หลายโครงการ ดีลไว้แล้ว
เรื่องมาตรฐานจริยธรรม ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ หยิบยกขึ้นประกอบการวินิจฉัยครั้งเศรษฐา เช่น ต้องถือประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือมีพฤติการณ์รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
หรือการไม่คบหาสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล ผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสียอันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่
ทุกอย่างในเกมอำนาจล้วนสุ่มเสี่ยงต่อกล่องดวงใจรัฐบาลเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร ที่มีช่องให้ยื่นร้องฟัน ร้องสอยได้เสมอ ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ที่การเมืองบางกลุ่มอาจไม่สมประโยชน์อย่างถ้วนหน้า
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์