'อนุทิน' ควง 3 รมช.มท.เข้ากระทรวงวันแรก ลุยทำงานเต็มสูบ มอบนโยบาย 16 ก.ย.

'อนุทิน' ควง 3 รมช.มท.เข้ากระทรวงวันแรก ลุยทำงานเต็มสูบ มอบนโยบาย 16 ก.ย.

'อนุทิน' ควง 3 รมช.มหาดไทย 'ทรงศักดิ์-ซาบีดา-ธีรรัตน์' เข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก ประกาศเดินเครื่องทำงานเต็มสูบ เตรียมมอบนโยบาย 16 ก.ย. หลังนายกฯแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ย้ำ 'ซาบีดา' ไม่ได้มารับตำแหน่งแทนพ่อ

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 เวลา 07.45 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก โดยมีข้าราชการ พนักงานและภาคีเครือข่ายกระทรวงมหาดไทยให้การต้อนรับ 

นายอนุทิน และคณะ ได้เข้าสักการะศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และได้เดินเข้าสู่อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณโถงหน้ามุข แล้วสักการะพระรูป สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บริเวณบันไดทางขึ้นห้องปฏิบัติงาน และบริเวณข้างห้องปฏิบัติงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวการเข้าปฏิบัติหน้าที่ว่า วันนี้ดูฤกษ์สะดวก ได้ตื่นมาตอนเช้า เข้าห้องน้ำ ไม่เตะโต๊ะ ไม่เตะตัดขาโต๊ะ ขับรถมากระทรวงมหาดไทย รถไม่ชน ลงมาจัดการทุกอย่างได้ตามกำหนดการ เป็นฤกษ์ที่เอาใจมาทำงาน ตั้งใจทำสิ่งที่ดี เรามั่นใจว่าเราทำดี ทำความดีให้แก่ส่วนรวม จะรอฤกษ์ไม่ได้ ต้องทำตั้งแต่ตอนนี้ ถือเป็นจุดแข็งของกระทรวงมหาดไทย ที่รัฐมนตรีทุกคนที่มาอยู่ในที่นี้ มีความตั้งใจ ทุ่มเท ตั้งใจรับใช้ประชาชน ชาติบ้านเมือง ทุกคนมีการศึกษา ประสบการณ์ เพียบพร้อม และเราทำงานแบบมีคนมีประสบการณ์ช่วยแนะนำ อย่าง น.ส.ซาบีดา เรียกตนว่า "อา" มีอะไรก็ต้องไหว้วาน แนะนำ เชื่อว่าเป็นการทำงานที่มีความคล่องตัว มีความซอฟต์และมีพลัง

\'อนุทิน\' ควง 3 รมช.มท.เข้ากระทรวงวันแรก ลุยทำงานเต็มสูบ มอบนโยบาย 16 ก.ย.

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ดีใจและเป็นเกียรติที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 ท่าน มี 2 ท่านเป็นสุภาพสตรี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดนัก  และข้าราชการทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือในการทำงาน โดยในส่วนของนโยบายให้รอดูการแถลงนโยบาย

"ฉายาของรัฐมนตรีมหาดไทยชุดนี้ว่า สิงห์สองคู่อยู่ในกระทรวงมหาดไทยร่วมกันได้" นายอนุทิน กล่าว  

จากนั้น คณะผู้บริหารระดับสูงฝ่ายข้าราชการประจำของกระทรวงมหาดไทย นำโดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบดอกไม้แสดงความยินดีกับนายอนุทิน และคณะรัฐมนตรี บริเวณห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  และในเวลา 08.30 น. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต้อนรับและแนะนำคณะผู้บริหารระดับสูงฝ่ายข้าราชการประจำ พร้อมทั้งรับโอวาทจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนและคณะมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 ท่าน ส่วนตัวและท่านทรงศักดิ์เป็นที่คุ้นเคยกับทุกท่านเป็นอย่างดี วันนี้จึงอยากแนะนำผู้ร่วมงานใหม่ คือท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ทั้ง 2 ท่าน ทั้งท่านซาบีดา และท่านธีรรัตน์ ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 2 ท่านมีความคุ้นเคยกับท่านปลัดกระทรวง และข้าราชการระดับบริหารของกระทรวงมหาดไทย เพราะท่านทำงานด้านการเมืองมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ไม่ได้เป็นคนหน้าใหม่ทางการเมือง มีพื้นฐาน มีรากฐานทางการเมืองที่เข้มแข็ง และสามารถทำคุณประโยชน์ด้วยความรู้ความสามารถ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขที่เป็นเจตนารมณ์หลักของกระทรวงมหาดไทย

\'อนุทิน\' ควง 3 รมช.มท.เข้ากระทรวงวันแรก ลุยทำงานเต็มสูบ มอบนโยบาย 16 ก.ย.

"ในส่วนของท่านซาบีดา ไม่ได้มารับตำแหน่งแทนพ่อ แต่คุณพ่อท่านถอนตัวเพื่อให้เกิดความสะดวกและราบรื่นในขณะตั้งรัฐบาล และท่านได้รับการเสนอเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเชื่อว่าองคาพยพท่านก็จะทำประโยชน์ให้กับ กระทรวงมหาดไทย พี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นอย่างดี ในส่วนของท่านธีรรัตน์ เป็น สส.หนึ่งเดียวของกรุงเทพมหานคร ใน ครม. นี้ เป็น สส.หลายสมัย มีความรู้ความสามาถทางด้านงานสภาและด้านที่เกี่ยวข้องกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" นายอนุทิน กล่าว

รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า เชื่อว่า เราทั้ง 4 คนจะเป็นทรัพยากรที่ท่านทั้งหลาย สามารถใช้ประโยชน์ให้เกิดความมั่นคง ทำให้ภารกิจกระทรวงมหาดไทยบรรลุเป้าหมายร่วมกัน คือ การ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ตนยังใช้เจตนารมณ์เดิม "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า  และมีความมั่นคงในชีวิต" โดยวันนี้มาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 เป็นคนละรัฐบาลและคนละการบริหาร แต่ด้วยการบริหารรัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เราจะทำงานร่วมกับทุกองค์กร ทุกกระทรวง ทบวง กรมในรัฐบาลชุดนี้ได้เป็นอย่างดี และที่ผ่านมา ผลงานกระทรวงมหาดไทย ได้รับคำชมเชย เสียงชื่นชมจาก ครม. เป็นอย่างดี ว่าเราให้ความสะดวก และดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดี จึงทำให้ตนมีความภาคภูมิใจไปด้วย 

"เราทุกคนมาดี ไม่ได้มาทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย หรือสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ในกระทรวงมหาดไทย เพื่อเมื่อถึงเวลาหมดวาระก็จะมีความรู้สึกดีต่อกัน ทั้งนี้ ขอขอบคุณท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อนข้าราชการฝ่ายประจำ รัฐวิสาหกิจทุกท่านที่ให้การสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ ทำให้การปฏิบัติราชการในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมา ได้บรรลุวัตถุประสงค์โดยส่วนใหญ่และเชื่อว่า ด้วยผลงานของทุกท่าน จึงทำให้ตนได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรี ให้มารับหน้าที่นี้อีกครั้งหนึ่ง โดยเราจะเริ่มทำงานอย่างเต็มสูบ หลังจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายน 2567 และเมื่อแถลงเสร็จสิ้นแล้ว คณะรัฐมนตรีจึงสามารถมอบนโยบายบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบได้ ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมที่ดี อย่างไรก็ตามถ้าช่วงนี้มีอะไรที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ก็ยังสามารถสั่งการได้ตามปกติ เราจะมอบหมายงานทันที เมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จ  คือ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน2567 ก็จะได้รับมอบหมายงานอย่างเป็นรูปธรรมและทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่" นายอนุทิน กล่าว 

ขณะที่ นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่มีภารกิจสำคัญเกี่ยวข้องกับประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งทุกกระทรวงต้องอาศัยองคาพยพกระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มสตรี กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ ดังนั้น การทำสิ่งที่เกิดประโยชย์กับพี่น้องประชาชน ต้องใช้องคาพยพกระทรวงมหาดไทย

"งานมหาดไทยเป็นงานที่มีเกียรติ และมีความยินดีที่ได้ร่วมขับเคลื่อนภารกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน  ซึ่งตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าปีที่ 6 และตลอด 6 ปีที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกท่านอย่างดี ต้องขอบคุณทุกท่าน และหลังจากนี้หวังว่าเราชาวมหาดไทย จะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมือง และร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อประโยชย์สุขพี่น้องประชาชนร่วมกันรัฐมนตรีเป็นเพียงหน้าที่ แต่การขับเคลื่อนอยู่ที่องคาพยพกลไกขับเคลื่อนจากทุกคน เพื่อความผาสุกประชาชน" นายทรงศักดิ์ กล่าว 

ส่วน น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า ทราบดีว่าเจตนารมณ์ของกระทรวงมหาดไทย คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วันนี้ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ขออุทิศตัว ทำงานร่วมกับทุกท่านด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมปฏิบัติงานตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย และตนเชื่อว่าจากการที่ได้ติดตามทำงานอย่างใกล้ชิดกับท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเป็นประโยชน์กับการปฏิบัติงานครั้งนี้ วันนี้ตนเป็นส่วนหนึ่งของทีมมหาดไทยแล้วจึงขออนุญาตฝากเนื้อฝากตัวด้วย

ขณะที่นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาทำหน้าที่ที่สำคัญ ที่เป็นที่คาดหวังของพี่น้องประชาชน รู้ถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจของการที่ทุกท่านมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการให้พี่น้องประชาชนได้อยู่อย่างมีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด ทั้งในกรุงเทพมหานคร รวมถึงพี่น้องทั่วประเทศ เราต้องช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ให้ได้ การสร้างความเสมอภาคในทุกมิติ คือ สิ่งที่เราจะต้องทำทันที และเรายังมีภารกิจอื่นอีกมากมายที่ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยเหลือกัน ต้องปรึกษาพูดคุยไม่ให้เกิดช่องว่างใด ๆระหว่างหน่วยงานขึ้น และตนเชื่อว่าพวกเราจะทำให้สำเร็จได้

"ที่ผ่านมาดิฉันได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน และก่อนหน้านี้เคยขอความอนุเคราะห์จากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยหลายครั้งและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่นั้นเบาบางลง วันนี้ได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกับทุกท่าน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ต่อจากนี้ไป การทำงานของพวกเราทุกคนนั้นก็จะราบรื่น และประสบความสำเร็จเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด รู้สึกอบอุ่นมาก ทุกคนต้อนรับพวกเราอย่างดี และรู้สึกว่าเราคือครอบครัว เราคือทีมมหาดไทย อย่างที่ทุกท่านตั้งใจ และเราจะทำมันอย่างดีที่สุด ให้สมกับความคาดหวัง ความตั้งใจที่พี่น้องประชาชนได้มอบไว้ให้กับพวกเรา" น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว