เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี

เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี

เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี จับตานโยบายเอื้อกลุ่มทุน จับตาเกม‘ค่ายน้ำเงิน’ สส.VSสว.ปม‘กาสิโน’

KEY

POINTS

  • เพื่อไทยภาค 2 ในมือของ "แพทองธาร ชินวัตร" ภายใต้การบัญชาการฉากหลังของ "ทักษิณ ชินวัตร" เตรียมสร้างผลงาน ผ่านนโยบายที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา
  • ฝ่ายค้านเช็คลิสต์ ชำแหละ 1 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีผลงานคืบหน้า แถมให้จับตานโยบาย "เรือธง" จะเอื้อกลุ่มทุนหรือไม่
  • ส่วน "ค่ายน้ำเงิน" ทั้ง สส. -  สว. แบ่งบทกันเล่นปม ‘กาสิโน’ ท่ามกลางกระแสข่าว "บิ๊กบุรีรัมย์" ยังปิดดีลไม่ลงตัว

เปิดรัฐสภารับนายกฯใหม่ "แพทองธาร ชินวัตร" ในการแถลงนโยบายรัฐบาล ไฮไลต์สำคัญ คือสัญญาประชนชนในการผลักดัน 10 นโยบายเร่งด่วนกู้วิกฤติ 

การปฏิบัติต่อจากนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ “แพทองธาร" และ "ตระกูลชินวัตร” ว่าจะสามารถฟื้นความนิยมของ “พรรคเพื่อไทย” ให้กลับมาอยู่ในแดนบวกได้หรือไม่

จะเห็นได้ว่า นโยบายส่วนใหญ่ของ “รัฐบาลแพทองธาร” มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก

พร้อมทั้งออกมาตรการเพื่อลดราคาพลังงาน และสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ที่สำคัญเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ขณะเดียวกันยังมีนโยบายด้านสังคม อาทิ แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ

รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง สร้างความเท่าเทียมทางโอกาส และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางคนไร้รัฐไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธุ์

เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี

นายกฯแพทองธาร ให้คำมั่นสัญญาว่า “รัฐบาลต้องการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็งโดยเร็ว แสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ระดับประเทศ และปัจเจกบุคคล ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ยกระดับภูมิปัญญาสร้างสรรค์ รวมถึงต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์”

 ขณะที่ “ขั้วฝ่ายค้าน” ได้ใช้เวทีนี้เช็คลิสต์การทำงาน และชำแหละผลงานรัฐบาลเศรษฐาย้อนหลัง 1 ปีที่ผ่านมา เพราะถือเป็นรัฐบาลต่อเนื่องตามที่นายกฯแพทองธาร นิยามเอาไว้ 

อาจเรียกได้ว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลเพื่อไทยภาคแรก ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยรวบรวมข้อมูลในการบริหารมาแสดงให้เห็นถึงข้อสั่งการเทียบเท่ามติ ครม.193 เรื่อง ส่งต่อ 251 หน่วยงานรัฐ และ 162 เรื่องไม่มีกรอบเวลา มี 10 เรื่องที่หน่วยงานรายงานกลับต่อ ครม.

เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี

ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ฉายภาพว่า “รัฐบาลขาดอำนาจนำในการบริหารราชการ และสั่งการที่ราชการไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งปัญหาอาจอยู่ที่ไม่เข้าใจระบบราชการ หรือการไม่มีอำนาจ ซึ่งหนึ่งปีของรัฐบาลนั้นสูญเปล่า”

อีกทั้งยังชำแหละนโยบายเรือธง ที่ไม่มี “ประชาชน” อยู่ในเป้าหมาย เนื่องจากเป้าหมายที่แท้จริงของ “รัฐบาล” ต้องการให้กับ 3 นาย คือ นายใหญ่ นายหน้า หรือนายทุน

“ณัฐพงษ์” ระบุว่า “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เป็นนโยบายเรือธงให้นายใหญ่ได้ขึ้นนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีข้อสงสัยถึงการเปิดกว้าง หรือล็อกการประมูล เพื่อเอื้อนายทุน และโครงการแลนด์บริดจ์ ในการใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเวนคืน เอื้อให้นายหน้าค้าที่ดินหรือไม่”

ส่วนนโยบายด้านสังคม “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.พรรคประชาชน ถล่มการแก้ปัญหายาเสพติด ทั้งในแง่การจัดสรรงบประมาณ และปฏิบัติอย่างครบวงจร ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วจนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจน

“ปีที่ผ่านมาพบว่ามีคดีเสพ และมีไว้ในครอบครอง 1.3 แสนคดี และเชื่อว่าปี 2567 จับผู้ต้องหารายเล็กรายน้อยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในกรณีดังกล่าวทำให้มีผู้ต้องขังคดียาเสพติดเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนนักโทษเด็ดขาดที่เป็นผู้ค้ายามีจำนวนลดลง จึงเร่งรัดการจับยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่”

นอกจากนี้ “รัฐบาลลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร ยังโดนชำแหละแผลเก่า ปม “คดีตากใบ” ซึ่งเกิดในช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

โดย “รอมฎอน ปันจอร์” สส.พรรคประชาชน อภิปรายการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการนำภาพของ “ทักษิณ” มาแสดง พร้อมเขียนว่า “โอกาสของรัฐบาลลูกสาว อากาศของประชาชน ความรับผิดชอบทางการเมืองจากประวัติศาสตร์บาดแผลเหตุการณ์ตากใบ 25 ต.ค.2557 การขอโทษ และขออภัยกับพี่น้องชาวตากใบ เมื่อ 2 ปีที่แล้วสำคัญมาก”

ทว่าเมื่อ “รอมฎอน” อภิปรายกระทบกล่องดวงใจ บรรดา “สส.เพื่อไทย” ได้ลุกขึ้นประท้วงทันทีเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า “ขั้วฝ่ายค้าน” เตรียมตัวมาถล่มนโยบายเศรษฐกิจ โดยชี้ให้เห็นว่าการดำเนินนโยบายของ “รัฐบาลแพทองธาร” เปิดทางเอื้อให้กับใครบ้าง พร้อมทั้งดิสเครดิตนโยบายด้านสังคม โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด และขุดแผลเก่า “คดีตากใบ” ตอกย้ำความผิดพลาดของ “ทักษิณ”

เพื่อไทยภาค2 เดิมพัน‘นโยบาย’ ฝ่ายค้านเช็คลิสต์-ชำแหละ 1 ปี

ขณะเดียวกัน ยังปรากฏร่องรอย “ค่ายสีน้ำเงิน” แบ่งเกมกันเล่น แบ่งคิวกันโชว์พลัง ฝั่ง “สส.” อภิปรายสนับสนุนนโยบาย “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” แต่ฝั่ง “สว.” กระโดดออกมาขวางลำ

“กรวีร์ ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า นโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ยืนยันว่าพรรคไม่ได้ขัดข้องในเรื่องดังกล่าว

“สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยอยากจะเห็นคือการควบรวมเอาสถานบันเทิงทั้งหลายเอาสิ่งที่หลบๆ ซ่อนๆ หรือที่เราเรียกกันว่าลักปิดลักเปิดเอาขึ้นมารวมกันบนดิน โดยอยู่ในสถานที่เดียวกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุม”

ขณะที่ “ขวัญชัย แสนหิรัณย์” สว.กลุ่มวิทยาศาสตร์ อภิปรายคัดค้าน ระบุว่า การสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน เชื่อว่าจะไม่สามารถทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ภายใน 3-5 ปี

“มีผลศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออก ที่สร้างแต่เปิดไม่ได้ กลายเป็นเมืองร้าง หรืออย่างประเทศทางใต้ของประเทศเรา มีโครงการสร้างจนเสร็จและเปิดแล้ว แต่ไม่ผู้เช่าพื้นที่เพราะเศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องเร่งด่วนสำหรับโครงการนี้ไม่น่าใช่ ดังนั้นขอให้รัฐบาลปรับรูปแบบใหม่”

ว่ากันว่า “ขวัญชัย” เป็น สว. สายบ้านใหญ่ปริศนานันทกุล เป็นผู้บริหารบริษัท เอ เค โฮม ไอเดีย จำกัด จังหวัดอ่างทอง

ดังนั้นจึงต้องจับตาว่านโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลแพทองธาร วาดหวังให้เกิดขึ้นโดยเร็ว จะสามารถฝ่าด่าน “ค่ายสีน้ำเงิน” ที่แบ่งบทกันสนับสนุน-แบ่งบทกันขวาง ไปได้หรือไม่ เพราะข้อมูลเชิงลึกการจัดสรรผลประโยชน์ยังไม่ลงตัวเสียทีเดียว

ภาพรวมในการแถลงนโยบายรัฐบาล โดยนายกฯแพทองธารต่อรัฐสภาครั้งนี้ จึงเสมือนเป็นการเช็คลิสต์ 1 ปี นโยบายต่อเนื่องจากช่วงนายกฯเศรษฐา ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง และอะไรยังไม่ได้ทำ และทำไม่ได้ มีจุดอ่อนใดที่รัฐบาลนี้ต้องเร่งแก้ และปรับเปลี่ยน 

“รัฐบาลเพื่อไทย"ภาค 2 ที่เริ่มนับหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายโดยนายกฯแพทองธาร ที่ได้นิยามว่าเป็นรัฐบาลต่อเนื่อง จะเป็นเดิมพันครั้งสำคัญในการไปต่อทางการเมือง  

เพราะหากนโยบายเรือธง ที่หวังฟื้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นกลับคืนมาไม่ได้ ก็อาจเป็นการนับถอยหลัง “พรรคเพื่อไทย” และ “ตระกูลชินวัตร” อย่างเลี่ยงไม่ได้