'ชูศักดิ์' เผยสัปดาห์หน้า ยื่นร่างแก้รธน. รายมาตรา

'ชูศักดิ์' เผยสัปดาห์หน้า ยื่นร่างแก้รธน. รายมาตรา

"รมต.ประจำสำนักนายกฯ" เผย สัปดาห์หน้า หลายพรรคชงร่างแก้รธน.รายมาตรา ย้ำ "พท." ขอแก้วิธีพิจารณาศาลรธน.ในคดีสำคัญใช้เสียงข้างมาก

ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  ให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์หน้า คาดว่าจะมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรายมาตราต่อรัฐสภา หลังจากที่ได้พิจารณาในรายละเอียดแล้วว่ามีประเด็นที่จะต้องเสนอแก้ไขคู่ขนานไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ประกาศไว้เป็นนโยบายต่อรัฐสภาไว้แล้ว สำหรับประเด็นที่จะแก้ไขรายมาตรา เบื้องต้น จะเป็นเรื่องจริยธรรม การปรับปรุงบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ที่ต้องกำหนดให้ชัดเจน ทั้งนี้ยอมรับว่าในการหารือกับพรรคประชาชนเขาต้องการให้ยกเลิก แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ารายละเอียดดังกล่าวยังต้องเอาไว้และปรับปรุงรายละเอียด และพบกันครึ่งทาง

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่านอกจากนั้นในการพิจารณาคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นในประเด็นที่มีความสำคัญ เช่น ยุบพรรคไม่ควรใช้เสียงข้างมาก แต่ควรมีเกณฑ์เช่น ใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ  4 ใน 5 ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอของพรรคประชาชนให้ยกเลิกเกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองนั้น พรรคเพื่อไทยยังเห็นไม่เหมือน และคิดว่าไม่ควรยกเลิก อีกทั้งไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ได้หารือกับพรรคประชาชนและเห็นตรงกัน คือ ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่ห้ามในประเด็นการถูกลงโทษหมิ่นประมาท  ที่ถูกตัดสิทธิ 20 ปีนั้นยาวนานเกินไป ซึ่งการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราดังกล่าวจะมีหลายๆ พรรคที่เสนอต่อรัฐสภาด้วย

เมื่อถามประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการจะเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ชุดที่แล้วที่พิจารณาคำถามและรายงานประชามติของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ ชุดที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน แต่ขณะนี้ยังรอการจัดทำ ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่วุฒิสภาพิจารณาก่อน หากบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้วการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ครั้งแรก ถึงเร่ิมนับหนึ่งได้

เมื่อถามว่าพรรคประชาชนเสนอให้ทบทวนการตั้งคำถามประชามติที่มีเงื่อนไข นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสม แต่คำถามดังกล่าวเป็นมติครม. ชุดที่แล้ว ประกาศไปแล้ว ดังนั้นต้องยืนยันตามเดิม.