'มงคลกิตติ์' นำทีมปชป. อีสาน ลงพื้นที่ 'หนองคาย - บึงกาฬ' จี้เร่งรัฐบาลวางแผนจัดการน้ำ
'มงคลกิตติ์' นำทีม ปชป. อีสาน ลงพื้นที่ 'หนองคาย - บึงกาฬ' มอบถุงยังชีพ พร้อมตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วม - เผยขอคิดแหวกแนวเร่งรัฐบาลวางแผนป้องกันน้ำน้อยในหน้าแล้ง ยุติวัฏจักรปัญหาเรื้อรังของคนอีสาน
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ สำรวจความเสียหาย ประเมินสถานการน้ำท่วม ที่เกิดจากพายุใต้ฝุ่นยางิ ต่อด้วย พายุโซนร้อนซูลิก ใน จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ รวมทั้งรวบรวมสิ่งของบริจาคจากภาคประชาสังคม มาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ร่วม 725 ชุด
โดยมีทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ร่วมลงพื้นที่ประกอบด้วย นางสาวน้ำฝน หอมชาลี กรรมการบริการพรรค,นางสาวภคอร จันทรคณา เลขานุการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค,ว่าที่ร้อยตรีธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ,นาสรกฤช จันทรคณา คณะทำงานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ,นางสาวราณี นิวงศ์ษา อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ.อุดรธานี เขต 2,นายจิตติ เชิดชู อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.ขอนแก่นเขต1,
นายพลชัย พิพิธวรากุลอดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.ขอนแก่น เขต 4,นายวราเทพ จันทพันธ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.อุดรธานี เขต 4,นางรุ่งนภา พลรักษา อดีตผู้สมัคร ส.ส.จ.ขอนแก่น เขต 11,นายธงชัย กึ่งมาตย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จ.หนองคาย,นาย วินัย ติยะบุตร อดีตผู้สมัครส.ส. จ.บึงกาฬ เขต 2 ,นายปรวรรษ หวายฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.บึงกาฬ เขต 1,นาย ชวนนท์ คำเบ้า อดีตผู้สมัครส.ส. จ.ชัยภูมิ เขต 5
นายวิรัตน์ ปัตโต อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.ขอนแก่น เขต 5,นายไพบูลย์ เมฆลอย อดีตผู้สมัครส.ส. จ.ชัยภูมิ เขต 6,นายปรวรรษ หวายฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บึงกาฬ เขต 1,นายวินัย ติยะบุตร อดีตผู้สมัคร ส.ส.บึงกาฬ เขต 2, นางสาวเพ็ญพิชชา ติยะบุตร อดีตผู้สมัคร ส.ส.บึงกาฬ เขต 3
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตนเดินมาถึง จ.หนองคาย เมื่อค่ำวาน และวันนี้ 21 ก.ย.67 ได้ลงพื้นที่ใน จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จุดต่างๆดังนี้
จุดที่ 1 สถานีวัดระดับน้ำ แม่น้ำโขงส่วนอุทกวิทยา ที่ 1 หนองคาย สำนักทรัพยากรน้ำที่ 3 กรมทรัพยากรน้ำ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่ร่องเรือตรวจตะกอน แม่น้ำโขง ดูการวัดระดับน้ำแม่โขง การเตือนภัย ดูการวัดปริมาณตะกอน ของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำ
จุดที่ 2 ป.รีสอร์ทบ้านหนองปลาไหล ต.ชุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย มอบน้ำเปล่า 50 แพ็ค
จุด 3 บ้านหนองปลาไหล ริมถนนใหญ่ต.ชุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ถุงยังชีพ 300 ชุด น้ำเปล่า 300 แกลลอน จุรินทรีบำบัดน้ำเสีย 100 ขวด
จุดที่ 4 ในหมู่บ้าน บ้านหนองปลาไหล ต.ชุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
มอบถุงยังชีพ 50 ชุด น้ำเปล่า 50 แกลลอน
จุดที่ 5 บ้านหนองเคง หมู่ 3ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬมอบถุงยังชีพ 300 ชุด น้ำเปล่า 300 แกลลอน
จุดที่ 6 บ้านหนองเข่ง ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ มอบถุงยังชีพ 5 ชุด น้ำเปล่า 5 แพ็ค
จุดที่ 7 วัดป่าดอนธรรม บ้านท่ากลิ้ง ตำบลนากั้ง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ มอบถวายสังฆทานถุงยังชีพ 7 ชุด น้ำเปล่า 7 แกลลอน และ มอบถุยังชีพประชาชน 20 ชุด น้ำเปล่า 20 แกลลอน ที่วัดถูกตัดไฟฟ้าเพราะน้ำท่วมสูง ต้องเดินทางเรือร่วม 2 กม. กว่าจะถึงวัด
สรุปความเสียหายจากพายุใต้ฝุ่น ยางิ และ พายุโซนร้อน ซูลิก นั้นทำให้ ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนไชยะบุรี ใน สปป.ลาว มีปริมาณปล่อยน้ำมามากรวมทั้งน้ำมาจากแม่น้ำสาย และสายอื่นๆ และ ไม่มีการแจ้งเตือนมายังฝ่ายไทยก่อนปล่อยน้ำ ซึ่งเราจะทราบระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นจากการตรวจวัดระดับน้ำจากกรมทรัพยากรน้ำ ในฝั่งไทย ก่อนที่จะเตือนภัย ในพื้นที่ จ.หนองคาย เสียหายกว่า 30,000 ไร่ ส่วนใหญ่ ปลูกข้าว ปลูกยางพารา และ อื่นๆ ส่วนจังหวัดบึงกาฬ ก็เสียหายมากพอควร เพราะน้ำล้นเกินตลิ่งแม่น้ำโขง กว่า 1-2 เมตร เหตุมาจากปริมาณน้ำฝนมาก และน้ำที่ปล่อยจากประเทศเพื่อนบ้าน ระดับน้ำล้นตริ่งแม่น้ำโขง
ปัจจุบัน ระดับแม่น้ำโขงต่ำกว่าตลิ่ง 1.21 เมตร พอปลอดภัย ก็ขออย่าให้น้ำมาอีก ส่วนการเยียวยาก็ให้รัฐบาลเร่งสำรวจความเสียหายหลังจากน้ำลดโดยเร็ว ทั้งพื้นที่เกษตรกรรม บ้านเรือนท่วมไม่เกิน 30 วัน บ้านประชาชนบางส่วนเสียหาย สัตว์ที่เลี้ยงไว้ขายตาย ก็ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเยียวยาต่อไป
“พรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่กับคนอีสานมาโดยตลอด และวันนี้ผมและอดีตผู้สมัคร สส. พร้อมกับสมาชิกพรรคในจังหวัดภาคอีสาน ได้รวมใจกันเป็นหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และเป็นที่พึ่งยามยาก โดยในวันนี้ ได้มีการมอบถุงยังชีพที่ประชาชนหลายส่วนช่วยกันบริจาค ให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ใน จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นจุดที่ยังมีน้ำท่วมสูง เนื่องจากต้องรับน้ำจากเขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี ประกอบกับแม่น้ำโขงที่หนุนสูงมาสมทบ ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงในภายพื้นที่ ซึ่งตรงนี้
นอกจากจะต้องมีการเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเหมาะสมแล้ว สิ่งที่ผมคิดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งผมเสนอไปตอนนี้อาจจะสวนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ แต่ผมอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เริ่มวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำน้อยในหน้าแล้งได้แล้ว เพราะถือเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานสำหรับคนอีสาน ซึ่งหากผ่านพ้นไปถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้วยังไม่มีการวางแผนแก้ไข ก็จะเป็นวัฏจักรที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้น ผมจึงอยากให้มีการดำเนินการวางแผนบริหารจัดการน้ำส่วนเกินที่เกิดขึ้นในหน้าฝน เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้น้ำได้ในหน้าแล้ง ซึ่งผมหวังว่า ในหน้าแล้งที่จะถึงนี้ คงจะไม่มีภาพข่าวที่ปรากฏว่า คนต่อแถวเพื่อรอซื้อน้ำเพื่อไปใช้ในชีวิตประจำวัน และถึงตอนนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะต้องทบทวนถึงจุดที่อีสานมีน้ำมากเกินแต่ไม่สามารถนำน้ำที่เกินมานั้นมาใช้ประโยชน์ได้ ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว