'เพนกวิน' จำเลยหนีคดี ม.112 เปิดใจไปเรียนต่างประเทศ ขอโทษไม่ได้ลาใครก่อน

'เพนกวิน' จำเลยหนีคดี ม.112 เปิดใจไปเรียนต่างประเทศ ขอโทษไม่ได้ลาใครก่อน

'เพนกวิน พริษฐ์' จำเลยหนีคดี ม.112 เคลื่อนไหวแล้ว! เปิดใจออกจากประเทศ ไปตัดสินใจเรียนต่อ ป.โท-เอก ในประเทศโลกเสรี ขอโทษที่ไม่ได้ร่ำลาใครก่อน ลั่นคดีที่โดน ในทางนานาชาติไม่ยอมรับ ซัดเป็นกฎหมายป่าเถื่อน

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ "เพนกวิน" อดีตแกนนำม็อบราษฎร และนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ตกเป็นจำเลยคดีทางการเมือง และคดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลายคดีในชั้นศาล และมิได้เดินทางมาศาล ทำให้ถูกศาลออกหมายจับ ซึ่งเขามิได้เคลื่อนไหวมานานหลายเดือนนั้น ล่าสุดได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับตัวเองผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น

นายพริษฐ์ ระบุว่า วันนี้มีข่าวดีมาแจ้งให้พี่น้องทุกคนได้ทราบว่า ตนได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแบบเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศโลกเสรี การได้ศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นถือเป็นโอกาสสำคัญยิ่งของชีวิต แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพ และปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องเดินทางไปศึกษาต่อโดยไม่ได้ร่ำลาและแจ้งให้พี่น้องได้ทราบกันล่วงหน้า ตัวต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

นับจากวันนี้ไป เชื่อว่าคงจะมีหลายคน อาจยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองกับตนออกมาเย้ยหยันว่า เป็นนักโทษหนีคดี เหมือนกับที่เคยเย้ยหยันคนอื่น ๆ มาก่อน ขอใช้โอกาสนี้เรียนไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นว่าการดำเนินคดีความทั้งหลายกว่า 30 คดีที่ตกเป็นจำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหานั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับในสังคมนานาชาติว่าเป็นการดำเนินคดีความทางการเมือง ไม่ใช่การดำเนินคดีทางอาญา อีกทั้งกฎหมายที่ใช้กล่าวหาและดำเนินคดี โดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112 นั้น เป็นกฎหมายป่าเถื่อน ล้าหลัง และปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมนานาชาติ ตนจึงมิได้เป็นอาชญากรในสายตาสังคมอารยะประเทศทั้งหลาย ในทางตรงกันข้าม บุคคลและระบอบที่ใช้กฎหมายป่าเถื่อนล้าหลัง ดำเนินคดีผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหาก ที่จะถูกถือว่าเป็นอาชญากร

นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า สำหรับเพื่อนพ้องและพี่น้องทุกคนที่ได้ร่วมฝัน ร่วมต่อสู้ และร่วมเป็นกำลังใจในตลอดเวลาที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น และการสนับสนุนที่ทุกท่านมีให้ตลอดมาไม่ขาด หลังปี 2565 เป็นต้นมา เงื่อนไขทางกฎหมายได้จำกัดเสรีภาพทางการแสดงออกเป็นอย่างมาก ขอให้คำมั่นว่าไม่ว่าจะอยู่อยู่แห่งหนตำบลใด หรือในสถานการณ์ใด ก็ยังคงเป็นคนเดิมที่ทุกท่านรู้จัก หัวใจยังคงอยู่กับสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตยของประชาชนไทย รวมถึงความก้าวหน้าของประเทศชาติเราเหมือนที่เป็นตลอดมา

"ในโอกาสนี้ ผมขอส่งใจให้กับมิตรสหายเพื่อนร่วมอุดมการณ์และพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญหน้ากับการละเมิดสิทธิและปิดกั้นเสรีภาพโดยใช้กฎหมายที่ไร้ความเป็นธรรมเป็นข้ออ้าง โดยเฉพาะ ทนายอานนท์ นำภา และนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมกว่า 40 คน ผมขอเรียกร้องให้รัฐไทยยุติการดำเนินคดีทางการเมืองและปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด เพื่อลดความตึงเครียดในสังคมและฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาประชาคมนานาชาติ ผมเชื่อว่าผู้คนในอารยะประเทศนั้น หากได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทยก็จะเรียกร้องเหมือนกันกับผมเช่นกัน ท้ายที่สุดนี้ ผมเชื่อว่าหากพวกเราคนไทยยังไม่หยุดใฝ่ฝันถึงเสรีภาพ เสรีภาพและความเป็นธรรมที่แท้จริงก็จะมาถึงพี่น้องคนไทยทุกคนในเร็ววันขอฝากรัก ศรัทธา และความนับถือมาถึงเพื่อนพ้องและพี่น้องทุกคนจนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีก" นายพริษฐ์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา ลดโทษเหลือ 2 ปี แก่ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อย่างไรก็ดีตัวเขามิได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลจึงออกหมายจับ