เลือก ผบ.ตร.ปมเสี่ยงรัฐบาล ‘เสรีพิศุทธ์’ จ้องร้อง ‘นายกฯอิ๊งค์’
"...แต่เรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร. ถ้ามีการหยิบรอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 2-3 หรือ “ม้ามืด” ขึ้นมา ที่ไม่ใช่บิ๊กต่าย เท่ากับว่าคุณมาทำลายองค์กรที่ผมรักและหวงแหน ก็จำเป็นต้องทำ ยอมไม่ได้ ก็จะร้องดำเนินคดีกับอุ๊งอิ๊ง เช่นเดียวกับกรณีของเศรษฐา...”
ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ปมร้อนในมือ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่นัดหมายเลือก “เบอร์หนึ่งสีกากี” คนที่ 15 ในวันที่ 7 ต.ค.2567 นี้
โดยมีชื่อของ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 ขับเคี่ยวกับ “บิ๊กจวบ” พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. แม้หลายฝ่ายจะแทงหวยไปที่ “บิ๊กต่าย” แต่ฝั่ง “บิ๊กจวบ” ก็มีลุ้นเช่นกัน
รายการ “คม ชัด ลึก” ออกอากาศทาง “เนชั่นทีวี” ช่อง 22 ได้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. ถึงศึกชิงเจ้ากรมปทุมวันเที่ยวนี้ จะส่งผลสะเทือนต่อการเมือง และเก้าอี้นายกฯของ “แพทองธาร” มากน้อยเพียงใด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เชื่อว่า การพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในครั้งนี้ ง่ายกว่าครั้งที่แล้ว แต่การเมืองพยายามแทรกแซงให้ได้ โดยเฉพาะครั้งที่แล้ว เต็มๆ เลย มีดีลลับมั่วไปหมด ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพังมา 1 ปีเต็มๆ ประชาชนขาดความเชื่อมั่นศรัทธา แล้วเราจะปล่อยให้กระบวนการเป็นอย่างนั้นอีกหรือ ให้การเมืองมาแทรกหรือ ที่บอกว่ามีตัวเต็งเป็นรอง ผบ.ตร. 3 ท่านด้วยกัน แต่ยังมีม้ามืดเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. อยู่ จะมาแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.มาเป็นรอง ผบ.ตร. ก่อน แล้วค่อยขึ้น ผบ.ตร. ยิ่งพังไปกันใหญ่ เพราะพยายามโปรโมตคนให้มีสถานะ แล้วจะตั้ง เป็นไปไม่ได้ รัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่
“ผมไม่ใช่ ก.ตร. ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ไม่เกี่ยวข้อง แต่ในความรู้ประสบการณ์ กฎกติกาอะไรต่าง ๆ ต้องตั้งบิ๊กต่ายคนเดียวเท่านั้นให้เป็น ผบ.ตร. เพราะศักดิ์และสิทธิ์ เขาต้องได้ เพราะเป็นรอง ผบ.ตร.ลำดับ 1 และเป็น รรท.ผบ.ตร.”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขยายความว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ แตกต่างกับครั้งที่แล้ว เพราะเชื่อว่าการแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 4 เป็น ผบ.ตร. อาจมีเรื่องของ “ดีลลับ” ในการพา “ทักษิณ ชินวัตร” กลับเข้าประเทศ ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(ขณะนั้น) กลายเป็นผู้เสียหาย จนมีการฟ้องร้องคดีความ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ทำให้การเลือก ผบ.ตร.คราวนี้ “บิ๊กโจ๊ก”กลับมาเป็นแคนดิเดตไม่ทัน
โดยทำให้ “บิ๊กต่าย” ที่เป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 1 เป็นผู้มีสิทธิ์ได้เป็น ผบ.ตร.มากที่สุด โดยการแต่งตั้ง ผบ.ตร. จะพิจารณาจากอาวุโส และความรู้ความสามารถในงานด้านสืบสวนสอบสวนและปราบปราม และต้องมีตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ
ตามกฎหมายนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. จะเป็นผู้คัดเลือก มีแคนดิเดต 3 คน คือ “บิ๊กต่าย” อาวุโสลำดับ 1 “บิ๊กบึก” พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และ “บิ๊กนา” พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเรื่องอาวุโส “บิ๊กต่าย” มาลำดับ 1
ส่วนเรื่องความรู้ความสามารถ ก็ต้องไปตรวจสอบประวัติกันเอา แต่ถ้าไม่ยึดอาวุโสตามหลัก ก็จะเกิดปัญหา อย่างที่เคยบอกไว้ว่า เมื่อไม่เอาเบอร์ 1 ไปเอาเบอร์อื่นขึ้นมา เบอร์อื่นก็คิดว่าคราวหน้าก็มีโอกาส ความรักความสามัคคีก็ไม่เกิด แต่ถ้าตั้งตามอาวุโส พวกเบอร์ 2 เบอร์ 3 พูดไม่ได้ ก็ต้องยอมรับในกฎกติกา หรือจะม้ามืด ไม่มีสิทธิ์จะพูดด้วยซ้ำไป
สำหรับประเด็นที่คนยังลือ ยังวิเคราะห์กันว่า “บิ๊กจวบ” อาจมีสิทธิ์เป็น ผบ.ตร. เพราะสายสัมพันธ์ทางการเมืองนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า แล้วเข้ากฎหมายข้อไหน “บิ๊กจวบ” อาวุโสก็ไม่อาวุโส ความรู้ความสามารถในทางสอบสวนปราบปราม ก็ยังไม่เห็น
ดังนั้นถ้าเอาการเมืองเข้ามายุ่งในการแต่งตั้งตำรวจอะไรต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ อย่าว่าแต่ ผบ.ตร. เลย ทุกตำแหน่งจะวิ่งเข้าหาการเมืองหมด การเมืองก็อยากสนับสนุนอยู่แล้ว ผลประโยชน์ทั้งนั้น
“วิธีการแก้คือต้องให้ ตร.ปลอดจากการเมือง ไปเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เหมือนสำนักงานอัยการสูงสุด ถามว่าอัยการเขามี ก.อ. การเมืองแทรกได้หรือไม่ หรือผู้พิพากษาเขามี ก.ต. การเมืองแทรกได้หรือไม่ แต่องค์กรตำรวจอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น และสำคัญมาก แล้วทำไมปล่อยให้ตำรวจอยู่กันอย่างนี้เล่า”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสนอถึงรัฐบาลว่า ช่วงนี้มีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการตีความมาตรฐานจริยธรรม อยากให้รัฐบาลมาแก้เรื่องตำรวจดีกว่า เพราะนายกฯ คุมตำรวจอยู่แล้ว ง่ายเลย ดำเนินการ “ปฏิรูปตำรวจ” ปรับปรุงระบบการสอบสวนในคดีอาญา ทำให้พนักงานสอบสวนมีความรู้ความสามารถ และคุณวุฒิ ทัดเทียมพนักงานอัยการ และผู้พิพากษา จะเป็นการแก้ปัญหา ดังนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.เรื่องเล็ก แต่การ “ปฏิรูปตำรวจ” เรื่องใหญ่
ส่วนประเด็นเรื่อง “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีสิทธิ์กลับมาสู่เส้นทางตำรวจได้อีกหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจะเป็นคำตอบทั้งหมด เพราะตนเชื่อว่าคำสั่งของ “บิ๊กต่าย” ที่ให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นต้องไปพิสูจน์ว่าคำสั่งของ “บิ๊กต่าย” ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็จบ
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า ตอนแถลงข่าวเกี่ยวกับชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มีคนถามว่าเรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร. ว่าอย่างไร ตนบอกว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ใครร้องก็ร้องไป ไม่เกี่ยวกับตน ตนไม่อยากร้อง เพราะเด็ก
"แต่เรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร. ถ้ามีการหยิบรอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 2-3 หรือ “ม้ามืด” ขึ้นมา ที่ไม่ใช่บิ๊กต่าย เท่ากับว่าคุณมาทำลายองค์กรที่ผมรักและหวงแหน ก็จำเป็นต้องทำ ยอมไม่ได้ ก็จะร้องดำเนินคดีกับอุ๊งอิ๊ง เช่นเดียวกับกรณีของเศรษฐา”
“ถ้าสมมติเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ที่พูดไว้ว่าจะไม่ยุ่ง ต่อจากนี้จะยุ่งทุกเรื่อง เพราะมาทำลายองค์กรตำรวจ เพราะฉะนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้แทบไม่มีอะไร อย่ามาสร้างปัญหาดีกว่า แพทองธาร ก็ตั้งไปตามกฎหมาย ไปตามระบบ จะดีกับตำรวจ ดีกับตัวคุณด้วย อันนี้ไม่มีดีลลับอะไร อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า อย่าทำลายระบบตำรวจ” อดีต ผบ.ตร.ทิ้งท้าย