'จุลพันธ์' แจงสว. ขอ 3เดือน ปรับกฎหมาย อุดช่องโหว่ธุรกิจ-แชร์ลูกโซ่

'จุลพันธ์' แจงสว. ขอ 3เดือน ปรับกฎหมาย อุดช่องโหว่ธุรกิจ-แชร์ลูกโซ่

"รมช.คลัง" แจงกระทู้ของ สว. เร่งปรับกฎหมายหลายฉบับ อุดช่องโหว่ "แชร์ลูกโซ่" เผยให้อำนาจรัฐแก้ปัญหาทันท่วงที-ปรับแก้อายุความ คาด3เดือนแล้วเสร็จ

ที่วุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง  ชี้แจงต่อที่ประชุมช่วงกระทู้ถามด้วยวาจา ต่อประเด็นการแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่และการประกอบธุรกิจที่มีผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งตั้งถามโดย น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ซึ่งยกกรณีของปัญหาบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ขึ้นมาประกอบการอภิปราย ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มอบหมายยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)  ดำเนินการ รวมถึงกระทรวงการคลัง ให้พิจารณาการปรับแก้ไขกฎหมายที่มีความจำเป็นเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหา โดยกรณีของดิไอคอนนั้น เกี่ยวกับ กฎหมายหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.เกี่ยวกับการขายตรงและตลาดแบบตรง 2545 พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนปี 2527  พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 ,ประมวลกฎหมายอาญาปี 2499 พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ปี 2560 พ.ร.บ. การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินปี 2542 เห็นได้ว่ากฎหมายหลายฉบับถึงวาระที่เราต้องมาพิจารณาทบทวน

“เบื้องต้นได้มีการหารือถึงตัวกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าถึงวาระแล้วหรือยังว่าจะต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการแก้ไข พ.ร.ก.ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2527 ในหลายๆ ประเด็น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยกร่าง ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด และกลไกต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน สุดท้ายต้องเข้ามาสู่กระบวนการตรวจร่างโดย คณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าครม.แล้วประกาศใช้ จากนั้นถึงจะเข้าสู่สภาฯและวุฒิสภา เพื่ออนุมัติต่อไป เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน ก็จะดำเนินการแล้วเสร็จ เพราะเรื่องนี้ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน” นายจุลพันธ์ ชี้แจง

นายจุลพันธ์ ชี้แจงด้วยว่า กับการแก้ไขกฎหมายนั้น เบื้องต้นตั้งโจทย์ไว้ว่า ให้หน่วยงานที่สามารถเอาผิดไปถึงแม่ข่ายได้ทุกระดับ และเพิ่มโทษให้ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กรณีที่มีคนเข้ามาแจ้งความคดีเพิ่มเติม รวมถึงต้องปรับแก้เรื่องของอายุความ เมื่อคดีเข้าสู่อายุความแล้วกฎหมายของ ป.ป.ง. ก็ดำเนินการต่อทันทีเกี่ยวกับอายัดทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ ขณะที่ผู้รักษาการตามกฏหมายต้องเปลี่ยน โดยตนมองว่ากลไกที่จะมีประโยชน์สูงสุด คือ กระทรวงยุติธรรม หรือ ดีเอสไอ  และต้องดำเนินการในรูปแบบวันสต็อปให้กับประชาชนที่เดือดร้อนได้

“นอกจากนั้นยังต้องปรับแก้เรื่องของการฟ้องล้มละลาย ให้เปิดกว้างมากขึ้น อาจจะให้ สตช. เข้ามาดำเนินการฟ้องล้มละลายต่อไปได้ และสุดท้ายคือการปรับแก้ที่สำคัญ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ารูปแบบในการฉ้อโกง และแชร์ต่างๆ ปรับเปลี่ยนไปมาก และมีรูปแบบที่หลากหลาย ดังนั้นต้องปิดช่องโหว่ต่างๆ หวังว่าการแก้ไขที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน จะสามารถป้องกันการฉ้อโกงในประเภทต่างๆได้ต่อไป”  รมช.คลัง ชี้แจง.