'รอมฎอน' เผย 25 ต.ค.ปชน.ชงญัตติด่วน 'คดีตากใบ' หวังสภาฯถกก่อนหมดอายุความ

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) พรรคประชาชนจะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ เปิดให้มีการอภิปรายหารือทางออกทางการเมืองเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมคดีตากใบ เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของอายุความของคดีอาญา โดยตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 33 ชั่วโมง จำเลยทั้ง 7 คนและผู้ต้องหาอีก 8 คนไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกหรือมุมไหนของประเทศไทย สามารถเดินทางมามอบตัวได้ ตนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่พยายามจับกุม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการสปิริตของผู้ที่ตกเป็นจำเลยและผู้ต้องหาด้วย 

นายรอมฎอน กล่าวว่า ถ้าปล่อยให้คดีตากใบหมดอายุความโดยไม่สามารถนำตัวจำเลยหรือผู้ต้องหามาเข้ากระบวนการได้ รัฐไทยในภาพรวม ซึ่งไม่ได้หมายถึงรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง จะเผชิญกับปัญหาความชอบธรรมทางอำนาจ ปัญหาความไว้วางใจของประชาชนที่พร่องลงไป ดังนั้นเราต้องหาวิถีทางทางการเมือง โอบอุ้มความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหล่านั้นของประชาชน ขณะเดียวกันสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เวลานี้ถือว่าคุกรุ่น เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อความชอบธรรมของการปกครองของรัฐไทยเริ่มเสื่อมคลาย กลุ่มผู้ก่อการไม่ว่าขบวนการใด จึงใช้ช่องว่างเหล่านั้นในการก่อเหตุ 

นายรอมฎอน กล่าวอีกว่า ดังนั้นถ้าญัตติด่วนนี้ผ่านความเห็นชอบ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยในการนำข้อเสนอแนะของสภาฯ ไปพิจารณาว่าจะเอาอย่างไรต่อหลังวันที่ 25 ตุลาคม จึงขอเรียกร้องไปยังเพื่อนสมาชิกทุกพรรคการเมือง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง เป็นเรื่องความชอบธรรมทางการเมือง ซึ่งเราควรใช้กลไกรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา 

“เราควรจะใช้ปากและหูเพื่อพูดคุยและรับฟัง แทนที่จะเป็นปืนและความเงียบ เพื่อคลี่คลายปัญหาทางการเมืองด้วยวิธีการทางการเมือง” นายรอมฎอน กล่าว

นายรอมฎอน กล่าวด้วยว่า ครั้งหนึ่งหลังเหตุการณ์ตากใบ วันที่ 30-31 มีนาคม 2548 นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือทักษิณ ชินวัตร เคยใช้กลไกรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของรัฐสภา ซึ่งหลายเรื่องนำไปสู่ผลในทางปฏิบัติ ดังนั้นในเมื่อวันนี้กระบวนการยุติธรรมของเราอาจยังไม่สามารถเอื้ออำนวยให้ประชาชนได้อย่างที่ควรเป็น ก็ควรใช้พื้นที่ทางการเมืองแบบนี้ ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากความร่วมมือของเพื่อนสมาชิกจากพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อส่งสัญญาณไปยังประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าพวกเราสภาผู้แทนราษฎรให้ความใส่ใจจริงจังกับปัญหาความทุกข์ยากของพวกเขา