'ประเสริฐ' เร่งสาง ปมธุรกิจขายตรง หาทางป้องกันไม่ให้ซ้ำรอย 'ดิไอคอน'

'ประเสริฐ' เร่งสาง ปมธุรกิจขายตรง หาทางป้องกันไม่ให้ซ้ำรอย  'ดิไอคอน'

"รมว.ดีอี" แจงวุฒิสภา รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ แก้ปัญหา ธุรกิจขายตรงที่ประชาชนมีผลกระทบ เร่งหาทางป้องกัน ไม่ให้ซ้ำรอย "ดิไอคอน"

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา ช่วงกระทู้ถามสด ต่อประเด็นการแก้ไขปัญหากรณีความเสียหายจากปัญหา ธุรกิจเครือข่าย ดิไอคอนกรุ๊ป ตั้งถามโดยนายชิบ จิตนิยม  สว. ตอนหนึ่งว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันการใช้สื่อออนไลน์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีการโฆษณาหลอกลวงประชาชนผ่านธุรกิจขายตรง โดยมีกฎหมายมาดำเนินการ ได้แก่ 1.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขายตรง ซึ่งในกรณีของดิไอคอนเป็นการประกอบธุรกิจที่ไม่ตรงตามที่จดทะเบียนไว้  2.พ.ร.บ.การกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และหลอกลวงประชาชนโดยชักชวนให้มีการสมัครสมาชิก ในธุรกิจขายตรงและนำเงินมาลงทุน และ 3. พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  ขณะที่หน่วยงานในกำกับ เช่น กสทช. เป็นการเฝ้าระวังเชิงรุก และเป็นการตรวจสอบการกำกับในการออกอากาศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลและข่าวสารที่มีความถูกต้อง  

ทั้งนี้ กสทช.ยังได้ทำงานร่วมกับองค์การอาหารและยา(อย.)และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ได้ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดต่างๆ  ขณะที่กระทรวงดิจิทัลฯ ก็ได้มีการเฝ้าระวังเรื่อง พ.ร.บ ว่าด้วยความผิดทางด้านคอมพิวเตอร์ ในมาตรา 14 (1) ได้กำหนดลักษณะความผิดที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวไว้

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทราบข้อมูลว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจขายตรง 693 ราย ผู้ประกอบการธุรกิจแบบตรง 935 ราย และรัฐบาลได้มีการดำเนินการในการควบคุมเรื่องการโฆษณาที่เกินความเป็นจริง ส่วนเรื่องการอายัดทรัพย์สิน การดำเนินการต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน โดยล่าสุด ว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสตช. จะโอนคดีหลักเข้าสู่ ดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ เพราะเห็นว่าอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนเรื่องการเยียวยา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)จะปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป 

"กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ. ซึ่งได้มีอนุกรรมการของคณะขึ้น 2 ชุด  และวันนี้(28 ต.ค.) อนุกรรมการทั้ง2 คณะ จะเข้ามารายงานกับคณะทำงานชุดใหญ่ เพื่อดำเนินการ อย่างเข้มงวดในเรื่องนี้ต่อไป หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะเห็นว่ากระทบต่อประชาชนในวงกว้าง หรืออาจจะมีเรื่องในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต" นายประเสริฐ กล่าว