หอบคำพิพากษาคุก 'ชาญ' ยื่น กกต.เพิ่ม จี้ชงศาล รธน.ยุบเพื่อไทย

หอบคำพิพากษาคุก 'ชาญ' ยื่น กกต.เพิ่ม จี้ชงศาล รธน.ยุบเพื่อไทย

'อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาวฯ' หอบหลักฐานเพิ่ม จี้ กกต.ชงศาล รธน. 'ยุบเพื่อไทย' หลังศาลคดีทุจริตฯ สั่งคุก 'ชาญ พวงเพ็ชร์' อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี คดีทุจริตซื้อถุงยังชีพ

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการ กกต. หลังจากก่อนหน้านี้ยื่นให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย (พท.) จากเหตุมีมติส่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ทั้งที่นายชาญถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาว่าทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 2554 ต่อมาศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุก 6 ปี 18 เดือน

นายนพรุจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาทุจริตฯ มีคำพิพากษาให้จำคุกนายชาญ ที่สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย ฐานทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ ถือว่ากระทำความผิดเป็นที่ประจักษ์ต่อ กกต.โดยเฉพาะต่อหน้านายทะเบียนพรรคการเมือง จึงต้องการให้นายทะเบียนพรรคการเมือง อาศัยมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองส่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นความผิดยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่

"ขอย้ำว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 นายชาญยังคงเป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แม้ครั้งที่ 2 จะไม่ได้ใช้ชื่อในนามพรรค แต่การแข่งขันก็ยึดถือใบสมัครใบแรก ดังนั้น จะหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ไม่ได้ ฉะนั้น หลังจากวันที่ 24 ต.ค. น.ส.แพทองธาร (ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปตามข้อกฎหมาย ความเป็นจริงแล้วพรรคเพื่อไทยควรต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยกล่าวขอโทษคนปทุมธานี เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่าพรรคสำนึกผิดที่ส่งนายชาญลงสมัคร" นายนพรุจ กล่าว

นายนพรุจ กล่าวด้วยว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่ทราบเรื่องที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายชาญ ลงสมัคร และ กกต.ให้ใบเหลืองนายชาญ รวมทั้งสั่งให้มีการดำเนินคดีอาญา นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี เพราะจัดเลี้ยงอุปสมบทลูกชาย และ กกต.ถือว่ามีส่วนทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งแรกไม่สุจริต เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่โดยหลักกฎหมายแล้วหัวหน้าพรรคต้องรับรู้เรื่องทั้งหมด ซึ่งตนเห็นว่าการที่ศาลอาญาคดีทุจริตมีคำพิพากษาจำคุกนายชาญ ในวันที่ 24 ต.ค.และนำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมในวันนี้ ก็เท่ากับให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรู้ว่าสิ่งที่ตนได้ร้องเรียนมานั้น เป็นความจริงที่ปรากฏชัดเจนแล้ว เหลือเพียงนายทะเบียนพรรคการเมืองนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป