ปิดฉากทางการ! ศาลสั่งจำหน่าย ‘คดีตากใบ’ เหตุหมดอายุความ - จับจำเลยไม่ทัน
ปิดฉากอย่างเป็นทางการ! ศาลนราธิวาส มีคำสั่งจำหน่าย ‘คดีตากใบ’ ออกจากสารบบ เหตุไม่สามารถตามจับ ‘พล.อ.พิศาล - 8 จำเลย’ มาเข้าสู่กระบวนการได้ทัน คดีหมดอายุความแล้ว
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ อ1516/256567 ระหว่างนางสาวฟาดีฮะห์ ปะจูกูเล็ง ที่ 1 กับพวกรวม 48 คนโจทก์ กับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 9 คน เป็นจำเลย โดยโจทก์ทั้ง 48 คนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 59, 80, 83, 288, 2889 (5), 309, 310 ในคดีความผิดเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบ หรือ "คดีตากใบ"
โดยคดีนี้ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้อง ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 162 (1) ในวันที่ 24 มิ.ย.2567 โดยในวันนัดศาลไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ได้ 1 ปาก จนล่วงเวลาราชการ จึงเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อในวันรุ่งขึ้น ต่อมาในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สอง ศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 6 ถึงที่ 8 ที่ 26 ที่ 35 ที่ 42 และญาติโจทก์ที่ 3 แถลงการณ์ด้วยวาจาเกี่ยวกับความรู้สึก ความเสียหาย หรือความประสงค์อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ตามฟ้อง แล้วเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 26 ก.ค.2567
หลังจากนั้นในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สาม ศาลไต่สวนพยานโจทก์ทั้ง 48 คน ได้ 2 ปาก รวม ฝ่ายโจทก์นำพยานบุคคลเข้าไต่สวน 3 ปาก อ้างพยานเอกสาร 28 รายการ กับพยานวัตถุ 1 รายการ ฝ่ายจำเลยอ้างเอกสารประกอบการถามค้าน 27 รายการ คดีเสร็จการได้ไต่สวน ศาลนัดฟังคำสั่งหรือฟังคำพิพากษาวันที่ 23 ส.ค.2567 เหตุที่นัดนานเนื่องจากต้องส่งสำนวน และร่างคำสั่งฯ ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ตรวจก่อนอ่าน
ทั้งนี้ ในการไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยทั้ง 9 คนไม่มาศาล แต่แต่งตั้งทนายความมาชักค้านพยานฝ่ายโจทก์ รวมทั้งได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165/2
โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำสั่งว่า คดีในส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 มีมูลความผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,83 และมาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 7 พิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่า คำฟ้องในส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) กับพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 7 มีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามฟ้อง
วันเดียวกัน ศาลออกหมายเรียกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 มาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 12 ก.ย.2567
เมื่อถึงวันนัด จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ไม่มา ศาลจึงออกหมายจับ เว้นแต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น สส. ศาลมีหนังสือขออนุญาตจับต่อสภาผู้แทนราษฎร และเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การฯ กับติดตามผลการจับและขออนุญาตจับ ในวันที่ 15 ต.ค.2567 ต่อมา วันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลได้รับสำเนาหนังสือของสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 24 ก.ย.2567 แจ้งว่า ระหว่างสมัยประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีความคุ้มกันใดๆ ในชั้นพิจารณาของศาล รวมทั้งจากการจับ และคุมขังในคดีอาญา ศาลจึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้มีอำนาจจัดการตามหมายจับควบคู่ไปกับพนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานตำรวจตามปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และโอกาสในการติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนี
โดยในวันนัด วันที่ 15 ต.ค.2567 ยังไม่สามารถจับกุมจำเลยคนใดได้ ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อต้องเลื่อนคดีไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนีมาเสียก่อน แต่ศาลอนุญาตให้ญาติผู้ตายแถลงการณ์ด้วยวาจาเกี่ยวกับคดีนี้ แล้วมีคำสั่งเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ต.ค.2567
โดยในวันนี้ (28 ต.ค.) ยังคงไม่สามามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ได้ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6)
เหตุที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีแทนพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นกรณีที่ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความปรากฏต่อศาลในชั้นทำคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ศาลยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป แต่คดีนี้ จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา แต่หลบหนีจนคดีขาดอายุความ เป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ทั้ง 48 คนระงับ ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์